จะเรียกว่าอรรพ์ก็ว่าได้สำหรับคดีหวย 30 ล้านที่บานปลาย จนจะกลายเป็นมหากาพย์ ตั้งแต่การเพิ่มบท ตัวละคร และฟาดงวงฟาดงาไปถึงทุกฝ่ายที่เข้ามาเกี่ยวข้องแบบไม่อาจกะพริบตา รวมไปถึงองค์กรใหญ่อย่างสภาทนายความ ที่วันนี้ก็หนีไม่พ้นอรรพ์ในคดีนี้ด้วย
ภาพเสื้อยืด-กางเกงยืน ที่คุ้นชินตา ถือเป็นสไตล์ของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ที่ระบุว่า เป็นความชื่นชอบส่วนตัว และการแต่งกายง่ายๆเช่นนี้ สามารถที่จะเข้าถึงชาวบ้านได้ง่ายกว่า การต้องใส่สูท พร้อมย้ำว่า การแต่งกายไม่ได้ตัวชี้วัดในการทุ่มเทการทำงาน หรือช่วยเหลือประชาชน
เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่กำลังร้อนแรงในโลกโซเซียล ถูกเชื่อมโยงมาจากคดีหวย 30 ล้าน หลัง นายฐนุกูล เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ นายแผน พยานฝั่งครูปรีชา ใคร่ครวญ ได้เข้าร้องเรียนต่อสภาทนายความ ถึงพฤติกรรมของทนายษิทรา ข่มขู่ และพาดพิงทำให้เสียหาย โดยร้องผ่าน นายพัฒนา จาติเกตุ อุปนายกสภาทนาย ที่เผยว่า ได้รับร้องเรียนอยู่เหมือนกัน โดยพ่วงโยงไปถึงการแต่งกายที่ไม่เหมาะสมของตัวทนายษิทรา ที่จะเสนอให้ตรวจสอบเรื่องมรรยาทต่อไป
เรื่องร้อนแรงขึ้น เมื่อมีเกิดกองเชียร์จากทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และเรื่องนี้กำลังถูกสังคมจับตาว่า สภาทนายความ โดยเฉพาะคณะกรรมการมรรยาท จะนำประเด็นนี้เข้าหารือหรือไม่ เพื่อชี้ขาด ซึ่งทนายสุนทร ทรัพย์ ตันติกุล ประธานกรรมการมรรยาททนายความ เผยว่า ยังไม่ได้รับเรื่องสอบ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร
โดยประธานมรรยาททนายความ ย้่ำว่า ไม่ต้องการให้องค์กรนี้ เป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด พร้อมบอกอีกว่า ตามปกติแล้วหากมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบทนาย การตั้งโต๊ะแถลงเป็นสิ่งที่ไม่ครวกระทำ เบื้องต้นได้มีเอกสารชี้แจงจากสภาทนายความ ว่าการเสนอข่าวดังกล่าวไม่ใช่ความเห็น และหรือไม่ใช่มติกรรมการสภาทนายความ
ขณะรุ่นพี่ทนาย วันชัย สอนศิริ ได้ชี้บางมุมมองที่น่าสนใจว่า สภาทนายความควรมีบทบาทตรวจสอบทนายความคนอื่นๆ มากกว่าเรื่องการแต่งกาย เพราะขณะนี้ มีทนายความมากมาย อยากเด่นอยากดัง โดยใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือหากิน จากความเด่น-ดัง สร้างรายได้ ทั้งๆ ที่มีข้อบังคับชัดเจนว่า ทนายความจะต้องไม่โฆษณา ไม่โอ้อวด จนทำให้ผู้อื่นจ้างว่าความ เพราะจุดนี้ ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้าย-ผิดข้อบังคับ และรุนแรงกว่าเรื่องแต่งตัวเสียอีก
