มีคุณแม่ท่านหนึ่ง ได้เแชร์เรื่องราว ของลูกสาววัย 3 ขวบ// น้องมีอาการน้ำตาไหลตอนกลางคืน พอตอนเช้าตื่นขึ้นมาลืมตาไม่ได้ และมีอาการเจ็บ จึงพาลูกสาวไปหาหมอ ปรากฏว่า หมอบอกว่า เส้นเลือดฝอยในตาอาจจะแตกได้ คุณแม่เลยต้องสารภาพว่า ให้ลูกเล่นแท็บเล็ต เสริมพัฒนาการ ประมาณ2 ชั่วโมงต่อวัน แม่ไม่คิดว่าจะเป็นอันตรายถึงเพียงนี้ จึงโพสต์เรื่องราวไว้เป็นอุทาหรณ์ ล่าสุดน้องหายเป็นปกติแล้ว
คุณยุภาพร วงเงิน อายุ 36 ปี เปิดเผยกับทีมข่าว ว่า หลังโพสต์เรื่องราวถึง ลูกสาววัย 3 ขวบเล่นแท็บเล็ตนานเฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมงจนน้องไม่สามารถลืมเองตาได้ จนต้องใช้น้ำอุ่นเช็คและพาพบแพทย์นั้น ล่าสุดน้องหายเป็นปกติแล้ว พร้อมฝากเตือนถึงคุณแม่ ผู้ปกครอง ว่าอย่าปล่อยให้เด็กเล่นแท็บเล็ตนานเกินไป เพราะจะเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ และมีผลต่อระบบพัฒนาการของเด็กด้วย
ขณะที่นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เปิดเผย ว่า กรณีนี้ น่าจะไม่เกี่ยวกับการเล่นแท็บเล็ต เพราะการจ้องจอแท็บเล็ต หรือ มือถือ หรือคอม นานๆ ไม่ถึงขั้นทำให้เส้นเลือดฝอยในตาแตกได้ อาจจะมีการเข้าใจกันคาดเคลื่อน
ส่วนสาเหตุที่น้ำตาไหล และเจ็บตา ลืมตาไม่ได้ เพราะมีขี้ตาเกาะเป็นจำนวนมากนั้น น่าจะมาจากการติดเชื้อโรค เพราะเด็กอาจจะไปสัมพัสสิ่งสกปรก แล้วมาขยี้ตามากกว่า
อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครอง สามารถให้เด็กเสริมพัฒนาการ ด้วยการดูการ์ตูน เสริมทักษะ พัฒนาการได้ แต่ต้องไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน ควรที่จะให้เด็กกพัฒนาการทางด้านร่างกายมากกว่า เพราะเด็กในวัย 1-5 ขวบ จะเน้นเรื่องพัฒนาการทางร่างกายด้วยการ เคลื่อนไหว หยิบจับ และผู้ปกครองควรเล่น และตอบโต้กับเด็ก เพื่อเสริมพัฒนาการทางสมองควบคู่ไปด้วย
ผลการศึกษา“การใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของเด็ก กรณีศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”มีคำแนะนำในการให้ลูกใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพื่อได้ประโยชน์สูงสุด คือ
จำกัดการใช้งานที่ครึ่งถึง 1 ชั่วโมง ทำให้การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการทำกิจกรรมอื่น ๆ มีความสมดุลกัน เช่นให้ลูกออกไปเล่นนอกบ้าน เดินเล่น หรืออ่านหนังสือด้วย อย่าใช้อุปกรณ์สื่อสารดังกล่าวเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เพราะจะทำให้ลูกติด
งานวิจัย ยังบอกอีกว่า การสอนให้ลูกใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอย่างปลอดภัย โดยคุณควรสอนเรื่องการเปิดเผยความเป็นส่วนตัว การแชร์ข้อมูล การเสียเงินออนไลน์ กและารใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารให้ลูกได้พูดคุยเกี่ยวกับการใช้สมาร์ทโฟน และสนับสนุนให้ลูกถามคำถามเมื่อมีข้อสงสัย
สำหรับเด็กโต คุณควรมีกฎในการจำกัดเวลาใช้ และสิ่งที่เข้าไปดูได้และไม่ได้อย่างชัดเจน
หาข้อมูลว่าเนื้อหาใดที่ปลอดภัยและเหมาะกับเด็กอายุเท่าใด และดูว่ามือถือหรือแท็บเล็ตมีฟังก์ชั่นกำหนดการใช้งานสำหรับเด็กหรือไม่
**ที่มาข้อมูล :ให้ลูกใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์**