เชื่อว่าถ้าพูดถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่าง ‘วาฬ’ ในประเทศไทยคงไม่มีใครนึกถึงการ ‘ล่า’ แน่ๆ ไม่ว่าในทางใด แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่น ดูเหมือนว่า ‘การล่าวาฬ’ ในเชิงพาณิชย์และการบริโภคจะมีความสำคัญมากถึงขนาดที่พวกเขาต้องใช้ทุกความพยายามเพื่อให้การล่าเป็นไปอย่างถูกต้อง และล่าสุดถึงขั้นเตรียมลาออกจากคณะกรรมการการล่าวาฬระหว่างประเทศ (IWC) แล้ว
โดยประเทศญี่ปุ่นมีเป้าหมายที่จะออกจากคณะกรรมการการล่าวาฬระหว่างประเทศ หรือ IWC (International Whaling Commission) เพื่อกลับมาเริ่มต้นดำเนินการล่าวาฬเชิงพาณิชย์อีกครั้ง ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นได้แจ้งต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการตัดสินใจนี้แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการใดๆ ออกมา
การล่าวาฬในเชิงพาณิชย์ถูกห้ามโดย IWC ในปี 1986 หลังจากวาฬบางชนิดถูกล่าจนเกือบจะสูญพันธุ์ ซึ่งสมาชิก IWC มีการทำข้อตกลง ‘เลื่อน’ การล่าออกไปก่อนเพื่อให้โอกาสสายพันธุ์วาฬได้ฟื้นคืน โดยในเบื้องต้นประเทศที่เป็นมือโปรในการล่าวาฬอย่างญี่ปุ่น นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ คาดว่าจะเป็นการงดล่าชั่วคราวจนกว่าจะมีการตกลงกันเรื่องโควต้าการจับสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน แต่กลายเป็นว่าข้อตกลงเป็นเสมือนการห้ามล่าอย่างถาวร ทำให้ประเทศเหล่านี้โต้แย้งถึงเหตุผลที่ว่าการล่าวาฬถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของพวกเขาและมันควรดำเนินไปอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ หลายปีที่ผ่านมาญี่ปุ่นได้ล่าวาฬเพื่อ ‘การวิจัยทางวิทยาศาสตร์’ และการขายเนื้อ ซึ่งเป็นโครงการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางโดยนักอนุรักษ์ และเมื่อมีการงดล่า รัฐบาลญี่ปุ่นจึงคาดหวังว่าจะสามารถอ้างถึงการฟื้นตัวของชนิดวาฬบางชนิดเพื่อนำมาเป็นข้ออ้างในการออกจาก IWC ครั้งนี้ และจะพิจารณาการล่าวาฬเฉพาะในน่านน้ำของตนเองเท่านั้น
การกินเนื้อวาฬนั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นไปแล้ว โดยหลายชุมชนชายฝั่งมีการล่าวาฬมานานหลายศตวรรษ แต่การบริโภคในประเทศเพิ่งเพิ่มขึ้นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเท่านั้น ทำให้วาฬเป็นแหล่งอาหารหลักในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
Hideki Moronuki จากสำนักงานประมงแห่งประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้ทุกอย่าง แต่ก็ยังไม่ได้มีการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม มีแหล่งข่าวในรัฐบาลที่ไม่ระบุชื่อของสำนักข่าว Kyodo บอกว่าการประกาศอย่างเป็นทางการอาจมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
หากญี่ปุ่นต้องการโบกมือลา IWC จริงๆ จะต้องมีการแจ้งออกภายในสิ้นปี จากนั้นจึงจะสามารถออกได้ในวันที่ 30 มิถุนายน 2019 อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังคงมีข้อผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศกับบางประเทศ เช่น อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ผูกมัดประเทศต่างๆ ที่ร่วมกันในการอนุรักษ์ปลาวาฬ ‘ผ่านองค์การระหว่างประเทศที่เหมาะสมเพื่อการอนุรักษ์ การจัดการ และการศึกษาของพวกเขา’
ซึ่งญี่ปุ่นสามารถลองจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศอื่นได้หากต้องการ โดยต้องมีประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมในจำนวนมากพอที่จะลงทะเบียน หรือเปลี่ยนไปเข้าร่วมโครงการที่มีอยู่ เช่น คณะกรรมการสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก (Nammco) ที่เป็นกลุ่มประเทศมือโปรในการล่าวาฬ อย่างนอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ กรีนแลนด์ และหมู่เกาะแฟโร ซึ่งแน่นอนว่า…กลุ่มนี้ย่อมไม่ลงรอยกับ IWC
การล่าวาฬของญี่ปุ่นนั้นเกิดขึ้นมา 30 ปีแล้ว โดยญี่ปุ่นได้จับวาฬประมาณ 200-1,200 ตัวในแต่ละปี แต่เป็นการล่าภายใต้โครงการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นข้อยกเว้นภายใต้การห้ามของ IWC โดยนักวิจารณ์กล่าวว่าการปฏิบัติดังกล่าวครอบคลุมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ นั่นหมายความว่าปลาวาฬสามารถนำมาใช้เพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ และเนื้อของมันก็สามารถขายต่อเพื่อการบริโภคได้ด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ญี่ปุ่นพยายามจะล้มล้างการงดล่าและการรักษาความปลอดภัยตามข้อตกลงเกี่ยวกับโควต้าการจับปลาอย่างยั่งยืน โดยความพยายามครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในเดือนกันยายนที่การประชุมสุดยอด IWC ในบราซิล ซึ่งญี่ปุ่นได้เสนอมาตรการต่างๆ รวมทั้งการจัดตั้งคณะกรรมาธิการล่าปลาวาฬอย่างยั่งยืน และจำกัดการล่าเฉพาะกลุ่มวาฬที่มีจำนวนมาก (ไม่ใช่กลุ่มวิกฤติใกล้สูญพันธุ์) อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวถูกโหวตให้ตกไป นั่นอาจเป็นเหตุให้ประเทศซามูไรตัดสินใจลาจาก IWC เพื่อไม่ต้องถูกบังคับให้ทำตามกฎอีกต่อไป
ต้องรอดูค่ะว่า IWC จะว่าอย่างไร ญี่ปุ่นจะบรรลุความพยายามในครั้งนี้หรือไม่ … ซึ่งไบรท์ออนไลน์ก็หวังนะคะว่ามันจะ ‘ไม่สำเร็จ’ เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ‘การล่า’ ก็เท่ากับ ‘การคร่าชีวิต’ อยู่ดี
ที่มา: www.bbc.com
Photo via: www.iwc.int