ภาษีผ้าอนามัย น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก จากกณีกระแสตีกลับ ประเด็นผ้าอนามัยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย โดยระบุว่า
เรียน สื่อมวลชนทุกท่าน
ประเด็นผ้าอนามัยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยจากมติ ครม. วันที่ 17 เมษายน 2561 ดิฉันดูตามเอกสารจากเว็บhttp://www.oic.go.th/…/DRAWER…/GENERAL/DATA0000/00000302.PDF
ซึ่งสรุปสาระสำคัญของการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561 หมวดกฏหมาย ข้อ 4 ระบุว่า … ร่างกฏกระทรวงกำหนดผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอาง พศ…..
เครื่องสำอางจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ดังนั้นผ้าอนามัยแบบสอด จึงถูกจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งในความคิดของดิฉันผ้าอนามัยทุกชนิดไม่ควรถูกกำหนดให้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เพราะเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของสตรีทั้งโลก ดิฉันจึงออกมาตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นข่าวในวันนี้ เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ และเพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าอนามัยชนิดอื่นๆ ถูกกำหนดเป็นเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่จะสร้างภาระให้กับสตรีไทยทั้งประเทศ
แม้จะมีการชี้แจงว่า ผ้าอนามัย ถูกระบุใน พรก ว่าเป็นสินค้าควบคุม เเต่การที่ระบุว่าผ้าอนามัยเเบบสอดก็ยังไม่ถูกปลดออกจากสินค้าประเภทเครื่องสำอางซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย อีกทั้ง พรก ดังกล่าว ยังมีผลบังคับใช้เพียง 1 ปี เท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วควรทำให้เป็นสินค้าควบคุมถาวร
ดิฉันให้ข้อมูลข่าวประเด็นนี้ในฐานะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ก็อยากจะถามแทนสตรีทั้งประเทศเพื่อให้ได้คำชี้แจงจากทางรัฐบาลว่าทำไมถึงได้มีมติ ครม อนุมัติ เรื่องแบบนี้ ซึ่งถือเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นสำหรับสตรี
โดยหลังจากน.ส.เกศปรียา โพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป ได้มีผู้เข้าไปคอมเม้นต์ในประเด็นดังกล่าวเป็นจำนวนมากว่าฟังไม่ขึ้น และตีความไปเอง ก่อนที่จะแถลงข่าวจนเกิดความเสียหาย ควรหาข้อมูลจากราชกิจจานุเบกษา ที่ประกาศให้ “ผ้าอนามัย” เป็นสินค้าควบคุมราคาด้วย แล้วโฆษกพรรคไปเอาข้อมูลมาจากไหน ความเสียหาย ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ จะรับผิดชอบอย่างไร อย่าใช้วิธีสร้างข่าวปลอม ใส่ร้ายป้ายสี เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เรื่องไหนรัฐบาลทำผิดก็ด่า แต่ทำถูกก็ควรชม