คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เผย เตรียมปรับระบบลงทะเบียนผู้ค้าลอตเตอรี่ใหม่ ห้ามข้าราชการขายหวย แย่งอาชีพประชาชน
12 ก.ย. 63 นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า วานนี้(11ก.ย.) สำนักงานสลากฯ ได้จัดเสวนาการปรับโครงสร้างการกระจายสลาก รวมถึงการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ผู้ค้าสลากรายย่อย สื่อมวลชน รวมทั้งนักวิชาการอิสระ โดยในการเสวนาในครั้งนี้แต่ละฝ่ายมีข้อเสนอการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนั้นสำนักงานสลากจะนำข้อเสนอทั้งหมดไปสรุปเพื่อเสนอในการประชุมคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในวันที่ 23 ก.ย.นี้ เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาสลากราคาแพงอย่างเร่งด่วน
“สำนักงานสลากฯ เห็นสัญญาณเรื่องสลากเกินราคามาตั้งแต่เดือนพ.ค.แล้ว โดยพบว่ามีผู้ค้าสลากหน้าใหม่มาซื้อสลากจำนวนมากเพราะตกงานจากช่วงโควิด-19 ทำให้ความต้องการสลากสูงขึ้น ดังนั้นตลาดสลากขายส่งจึงขึ้นราคาสลากถึง 90 บาทต่อฉบับตั้งแต่ต้นทาง ในขณะที่ผู้ค้าสลากที่เคยขายสลากราคาปกติเมื่อเห็นราคาที่จูงใจจึงมีการขายช่วงสลาก เพื่อหวังกำไรเฉพาะหน้ามากขึ้นตามไปด้วย”
สำหรับในส่วนข้อเสนอผู้ค้ารายย่อยและสมาคมผู้พิการที่สำนักงานสลากรับพิจารณาไว้ มี 2 แนวทาง คือ 1.ต้องการให้พิมพ์สลากเพิ่ม เพราะจำนวนสลาก 100 ล้านฉบับไม่เพียงพอต่อความต้องการ และ2.อยากให้ตัดตอนผู้ค้าสลากที่นำสลากไปขายช่วง โดยแนะนำให้สำนักงานสลากเปิดลงทะเบียนผู้ค้าสลากใหม่เพื่อคัดกรองผู้ค้าสลากตัวจริง หลังจากล่าสุดสำนักงานสลากเปิดลงทะเบียนผู้ค้าสลากไปเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันมีผู้ค้าสลากนอกระบบเพิ่มขึ้นจึงควรดึงผู้ค้าสลากเหล่านี้มาเข้าระบบให้ถูกต้องด้วย
“ปัจจุบันมีผู้ร้องเรียนว่าผู้ค้าสลากที่ขายช่วง มีข้าราชการได้รับสิทธิขายสลากด้วยจากผู้จองซื้อสลากในระบบ 100,000 ราย ดังนั้นสำนักงานสลากจะนำรายชื่อผู้จองซื้อสลากทั้งหมดไปตรวจสอบว่าใครเป็นข้าราชการบ้างแล้วตัดสิทธิ์ เพื่อจำหน่ายสลากให้กับประชาชนทั่วไป เพราะมองว่าข้าราชการควรจะยึดอาชีพของรัฐ ไม่ควรมาหาอาชีพเสริมจากการขายสลาก” นายธนวรรธน์ กล่าว
ทางด้านร้อยเอกนิตย์ชาญ สุปินะ ประธานกลุ่มสหภาพฯ และเครือข่ายองค์กรคนพิการ กล่าวว่า การแก้ปัญหาเรื่องการรวมชุดหรือการไม่ให้ขายส่ง และการกำหนดให้ขายปลีกใบละ 80 บาทนั้น เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะแม้ว่าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะกำหนดโทษหรือตัดสิทธิ์ในการรับสลากฯ กับตัวแทนรายย่อย แต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้หมดไปจากวงจร เพราะการตัดสิทธิ์คนเก่าเอาคนใหม่เข้ามารับสลากแทน เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อผู้รับสลากเท่านั้น ดังนั้นกลุ่มสหภาพฯ จึงเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาสลากฯ แพง ดังนี้
1 พิมพ์สลากเพิ่มให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขาย อย่างน้อย 400 ล้านฉบับ
2 จัดสรรสลากฯ ให้แก่ตัวแทนรายย่อยและองค์กรนิสิตบุคคล โดยเฉพาะจัดสรรให้กับคนพิการและองค์กรของคนพิการที่ยังไม่มีโควตาสลาก หรือมีโควตาน้อย เพื่อให้เพียงพอกับสมาชิกที่จะขอรับสลากไปจำหน่ายหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว
3 ปรับรูปแบบของสลากใหม่ โดยการพิมพ์สลากฯ เป็นแบบฉบับคู่เหมือนแต่ก่อน แต่ราคาเปลี่ยนเป็นคู่ละ 160 บาท แล้วก็สามารถแบ่งขายทีละฉบับ ฉบับละ 80 บาทได้ ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นการเพิ่มปริมาณของสลากฯ และลดต้นทุนในการพิมพ์สลาก รวมทั้งเพิ่มรายได้ส่งเข้ารัฐอีกด้วย
4 ปรับรูปแบบการออกสลากใหม่ ขอให้ยกเลิกการออกรางวัลแบบเลขหน้า 3 ตัว หมุน 2 ครั้ง แล้วกลับมาใช้รูปแบบเดิม คือ รางวัลเลขท้าย 3 ตัว หมุน 4 ครั้ง