ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดี “เปรี้ยวฆ่าหั่นศพ” หลังโจทก์ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินจากฆ่าโดยเจตนาเป็นฆ่าโดยไตร่ตรองซึ่งโทษสูงสุดคือประหารชีวิต
วันที่ 30 กันยายน 2562 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ศาลนัดฟังคำพิพากษาของอุทธรณ์ ในคดีหมายเลขดำที่ อ. 1957/60 พนักงานอัยการเป็นโจทย์ นางสาวปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว เป็นจำเลย ในคดีฆ่าหั่นนศพ นางสาววาริสรา โนนจุ้ย หรือ แอ๋ม
คดีนี้ศาลชั้นต้น ได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต น.ส.ปรียานุช จำเลยที่ 1 และ น.ส. กวิตาหรือ เอินราชดา จำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือนและฐานร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้นทำลายศพให้จำคุก 4 เดือนรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 2 เดือน ฐานร่วมกันลักทรัพย์จำคุก 2 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 34 ปี 6 เดือน
ส่วน น.ส.จิดารัตน์ หรือ เบนท์ พรมคุณ จำเลยที่ 3 จำคุกฐานรับของโจรเป็นเวลา 2 ปีรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา นายวศิน หรือ นิว นามพรม จำเลยที่ 4 จำคุกฐานเป็นผู้สนับสนุนในการฆ่าผู้อื่นเป็นเวลา 33 ปี 4 เดือน คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วันและฐานร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้นทำลายศพให้จำคุก 4 เดือนรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 เดือนฐานร่วมกันลักทรัพย์จำคุก 2 ปีรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปีรวมจำคุกจำเลยที่ 4 ทั้งสิ้น 23 ปี 4 เดือน 20 วัน
ให้จำคุกตลอดชีวิต น.ส.อภิวันท์ หรือ แจ้ สัตยบัณฑิต จำเลยที่ 5 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาคำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือนและฐานร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้นทำลายศพให้จำคุก 4 เดือนรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 เดือน, ฐานเสพเมตแอมเฟตามีนจำคุก 6 เดือนรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือนรวมจำคุกจำเลยที่ 5 ทั้งสิ้น 33 ปี 9 เดือน
โดยให้จำเลยที่ 1, 2, 4, 5 ร่วมกันชดใช้เงิน 1,070,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 23 พ.ค. 2560 ซึ่งเป็นวันกระทำละเมิดจนกว่าชำระเสร็จและให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1, 2, 4, 5 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมืองฯและให้ยกฟ้องจำเลยที่ 5 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยให้ริบของกลางทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ทนายของเปรี้ยว ได้ยื่นอุทธรณ์ลดโทษ จึงทำให้ศาลได้นัดมาฟังคำพิพากษาการยื่นอุทธรณ์ในวันนี้ โดยไม่ได้มีการเบิกตัวผู้ต้องขัง มาจากที่เรือนจำคลองไผ่ จังหวัดนครราชสีมา แต่อย่างใด มีเพียงนายวศิน นามพรม จำเลยที่ 4 ที่ศาลได้เบิกตัวมาจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นมาเท่านั้น
นายนภดล สีดาทัน ทนายความฝ่ายโจทก์เปิดเผยว่าสาเหตุที่ฝ่ายโจทก์ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลชั้นต้น ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าการกระทำของแก๊งเปรี้ยว เป็นการฆ่าโดยไต่ตรองไว้ก่อนมีการวางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี สมควรได้รับโทษสูงสุดคือประหารชีวิต โดยให้จำเลยที่ 1, 2, 4, 5 ไม่ใช่การฆ่าโดยเจตนาที่รับโทษจำคุกตามที่ศาลชั้นต้นได้ตัดสินไว้