การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ที่จังหวัดอยุธยา ก่อนการประชุม นายกฯ นำ ครม.ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 89 รูป นั่งรถรางชมอุทยานประวัติศาสตร์ ย้ำ ครม.ใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดผลสัมฤทธิ์ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ คำนึงถึงผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก และให้รับฟังความเห็นของประชาชน พร้อมนำมาปรับให้สอดคล้องกับการทำงาน
ก่อนประชุม ครม.นอกสถานที่ ที่จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดตลาดกรุงศรี ซึ่งเป็นตลาดที่ย้ายผู้ค้าจากพระวิหารมงคลบพิตร 168 ร้านค้ามาไว้ตรงจุดนี้ เพื่อลดความแออัด พร้อมกับร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 89 รูปที่วัดมหาธาตุ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะนั่งรถรางชมทัศนียภาพอันงดงามของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เพื่อทำพิธีเปิดตลาดกรุงศรี ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ ที่มาร้องลำตัดต้อนรับในการมาเยือนอยุธยา พร้อมให้กำลังใจบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่พร้อมใจกันแต่งชุดไทย และให้บริการชำระเงินแบบ “คิวอาร์โค้ด” แทนเงินสดเพื่อความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีได้ชิมข้าวแกงขนมครก น้ำผลไม้ต่างๆ ภายในตลาด รวมทั้งตอนหนึ่งได้ร่วมร้องลิเกกับพ่อค้าขายน้ำซึ่งสวมชุดลิเกและร้องลิเกเพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้มาชิม สร้างสีสันภายในงานอีกด้วย
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงหนึ่งว่า เมื่อวานนี้ ได้ตรวจเยี่ยมพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังพบหลายปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นเกษตรกร หรือผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมาก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่อยากแจ้งให้คณะรัฐมนตรีรับทราบว่าต่อจากนี้ไป จะมีนโยบายเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้ได้ในปี 2560 หรือ 2561 ซึ่งในช่วงวาระการพิจารณาตอนท้าย ที่เป็นเรื่องการเสนองบประมาณ จะมอบนโยบายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินจำนวนนี้กับโครงการที่สามารถดำเนินการได้ทันที หรือยังไม่สามารถดำเนินการได้หรือไม่สามารถทำได้ทันตามกรอบเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะอนุมัติให้ทำเฉพาะที่ทำได้เท่านั้น โดยจะแบ่งโครงการใหญ่ออกเป็นโครงการย่อย ให้คำนึงถึงผู้มีรายได้น้อยเป็นสำคัญ
พร้อมย้ำให้รัฐมนตรีที่รับฟังความเห็นของประชาชน นำแนวคิดของประชาชนมาปรับ ให้สอดคล้องกับการทำงาน เพราะข้อมูลบางอย่างที่รัฐบาลพยายามนำเสนอ ประชาชนบางส่วนยังเข้าไม่ถึง หรือยังไม่เข้าใจทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องสร้างเรื่องความเชื่อมโยงให้เกิดขึ้น เช่น โครงการที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานเป็นต้น
สำหรับการรักษาความปลอดภัยในการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นไปอย่างเข้มงวดมากกว่าทุกครั้ง โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรี โดยมีการกำหนดเป็นพื้นที่ปิดในการปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทุกพื้นที่ รวมทั้งมีการตรวจเช็คและสแกนบุคคลต่างๆ อย่างละเอียดแม้แต่คณะรัฐมนตรียังต้องผ่านเครื่องตรวจสแกนหาวัตถุต้องสงสัยและติดสติกเกอร์เป็นสัญลักษณ์ว่าได้มีการตรวจแล้ว จะมีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และรัฐมนตรีบางท่านเท่านั้น ที่ไม่ต้องผ่านการตรวจ
ส่วนบุคคลภายนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า เช่นเดียวกับพระสงฆ์ที่ได้รับนิมนต์มารับบาตรในเช้าวันเดียวกันนี้ (19 ก.ย.) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามที่จะขอตรวจสแกน แต่ทางเจ้าหน้าที่ของวัดได้โต้แย้งว่าถ้าต้องถึงขนาดให้พระสงฆ์ต้องตรวจหรือเดินผ่านเครื่องสแกน อาจไม่ทันภารกิจรับบาตรก็จะนิมนต์พระสงฆ์ทั้งหมดกลับวัด นายกรัฐมนตรีก็คงต้องใส่บาตรเพียงคนเดียว ทางเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวถึงกับพูดไม่ออกก่อนที่จะเดินหนีไป สุดท้ายก็ไม่มีการตรวจและเดินผ่านเครื่องสแกนแต่อย่างใด
ส่วนวาระการประชุม ครม.วันนี้ จะเน้นการแนวทางาการพัฒนาพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1 โดยเตรียมพิจารณาอนุมัติงบประมาณ ในการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ 2 แห่ง ที่ปลายแม่น้ำบางพระครู และปลายแม่น้ำลพบุรี ซึ่งหากก่อสร้างเขื่อนทั้ง 2 แห่งนี้ จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ การระบายน้ำ ของจังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรีกว่า 1 แสนไร่ ขณะที่ช่วงหน้าแล้ง น้ำที่กักเก็บไว้ จะช่วยพื้นที่เพาะปลูกได้กว่า 4,000 ไร่
ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขออนุมัติหลักการ ในการเตรียมความพร้อม โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร หลังมีการสำรวจออกแบบแล้ว คาดการณ์ว่าจะใช้งบประมาณกว่า 17,600 ล้านบาท
ซึ่งโครงการนี้กระทรวงเกษตรฯ คาดหวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำท่วมตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา และนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง เพราะเชื่อว่า จะเป็นช่องทางระบายน้ำเจ้าพระยาได้เพิ่มเติมถึง 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ขณะที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะเสนอปรับปรุงท่าเทียบเรือแม่น้ำเจ้าพระยา 17 แห่ง การก่อสร้างเส้นทางมอเตอร์เวย์สายใหม่ บางปะอิน-นครสวรรค์ และการต่อขยายทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ เชื่อมต่อถนนสายเอเซีย พร้อมพิจารณาให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม งบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท