อุดม ชวนชื่น อดีตพระเอกลิเกเจ้าเสน่ห์ ผู้ก่อตั้งคณะตลกชวนชื่น คนธรรมดาที่มีชีวิตความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา
อุดม ชวนชื่น หรือ อุดม ทรงแสง และที่รู้จักกันในนาม พ่อดม ชวนชื่น มีชื่อเสียงจากคราบของพระเอกลิเกเจ้าเสน่ห์ จากคณะลิเกอุดมศิลป์ ประสบความสำเร็จได้ใจแม่ยกไปทั่วทั้งจังหวัดจันทบุรี ก่อนที่จะพลิกผันหันมาจัดรายการลิเกวิทยุ นามคณะ อุดม – แววดาว ผู้ซึ่งเป็นน้องสาว นอกจากนั้นพ่อดมก็ยังเป็นผู้ที่นำเอาดนตรีสากลมาเล่นร่วมกับลิเกด้วย เนื่อง จากเป็นคนชอบดนตรีสากลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงหัดเป่าแซ็กโซโฟนด้วยตัวเอง เมื่อพอเล่นได้ เขาก็หาวิธีการดึงผู้ชมให้เข้ามาดูลิเก ด้วยการเล่นดนตรีสากลในช่วงหัวค่ำ เพื่อเรียกคน คณะลิเกของเขาจึงมีทั้งแอ็คคอร์เดี้ยน กีต้าร์ เบส และกลองชุด ไปๆมาๆ เครื่องดนตรีเหล่านี้ก็ถูกนำไปเล่นรวมกับเครื่องดนตรีลิเก
หลังจากวางมือจากการเป็นพระเอกลิเก ก็ผันตัวเป็นนักดนตรีอยู่นาน 7 – 8 ปี ต่อมาเมื่อตลกคาเฟ่เริ่มเป็นที่นิยม “เทพ โพธิ์งาม” และเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ ก็ได้ออกจากวงเพื่อไปเล่นคาเฟ่ ต่อมา “เพลิน พรหมแดน” ได้เชิญชวนให้ไปแสดงตลกที่หน้าเวทีปรากฏว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะทำเอาหัวหน้าวงที่แอบดูอยู่ ถึงกับขำกลิ้งอยู่หลังเวที นับตั้งแต่วันนั้น อุดม ชวนชื่น จึงรามือจากการเป็นนักดนตรี และหันมาเล่นตลกอย่างเดียว โดยได้ค่าตัวถึงคืนละ 500 บาท เขาเล่นตลกอยู่ราว 1 ปี
ต่อมาพ่อดมก็หาโอกาสปลุกปั้นลูกๆ มาร่วมวงตลกคาเฟ่ ก่อนที่หมุนเวียนเปลี่ยนวงไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะมาจบลงด้วยการไปขอให้หลวงพ่อวัดเชิงหวาย ตั้งชื่อคณะตลกให้ ซึ่งหลวงพ่อก็เอาชื่อศาลาวัด ที่ชื่อศาลาชวนชื่น มาตั้งเป็นชื่อคณะตลก ที่ต่อมากลายมาเป็นตำนานตลกครอบครัวที่โด่งดังที่สุดในประเทศไทย โดยสมาชิกในวงล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานมากมายของอุดม ชวนชื่น ที่มีเอกลักษณ์ของเอกบุรุษด้วยการมีภรรยาหลายคน
สำหรับนักร้องคนแรกที่ได้ร้องเพลงของอุดม ชวนชื่น ก็คือ “คัมภีร์ แสงทอง” นอกจากนั้น เขาก็ยังแต่งเพลงให้ยอดรัก สลักใจ , เอกชัย ศรีวิชัย และอื่น ๆ อีกหลายคน แต่ไม่มีเพลงไหน ประสบความสำเร็จมากเท่ากับ พิษรักพิษณุโลก เลย เพลงนี้เป็นจึงเพลงเดียวที่ทำให้เขาได้รับเงินจากการแต่งเพลง โดยเขาได้มา 2 หมื่นบาทเมื่อมีการนำเพลงไปใช้ประกอบภาพยนตร์
และเป็นเรื่องเศร้าแก่แฟนตลกและลูกหลานร่วมวงการ เมื่อทราบข่าวการจากไปด้วยวัย 83 ปี ของพ่อดมหลังรักษาโรคมะเร็งตับนานเกือบ 7 เดือน