ไมค์ พิรัชต์ เคลียร์ประเด็นเลี้ยงดูลูก ก่อนลั่นไม่เอาลูกเป็นโล่ เวลาพูดให้คิดก่อน

หลังจากจบมหากาพย์ประเด็นไกล่เกลี่ยสิทธิการเลี้ยงดูลูก ระหว่าง ไมค์ พิรัชต์ และอดีตแฟนสาว ซาร่า คาซิงกินี กับน้องแม็กซ์เวลล์ไปในชั้นศาล ซึ่งเมื่อจบเรื่อง หนุ่มไมค์ ก็อกมาเปิดใจ ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชน โดยจากคลิปสัมภาษณ์ของสำนักข่าว NineEntertain มีรายละเอียดการให้สัมภาษณ์ ดังนี้

เคลียร์เรียบร้อยแล้ว ความรู้สึกเราเป็นยังไงบ้างครับ โล่งขึ้นไหม

ไมค์: ก็โล่งนะครับ โล่งครับ

อย่างข้อตกลงเป็นไปตามที่เราพึงพอใจตั้งแต่แรกไหม

ไมค์: ก็จริง ๆ เอาจริง ๆ วันนี้ผมมา ผมเตรียมมาเสนอก็คือผมจะจ่ายค่าศึกษาของลูกเนี่ย 100เปอร์เซ็น แล้วก็ เป็นโรงเรียนที่ผมเลือก แล้วก็มีค่าปรเะกันชีวิต ประกันสังคม สุขภาพ แล้วก็ ผมจะเก็บไว้ออมให้กับลูกด้วยในอนาคต เผื่อเขาเข้ามหาลัยเนี่ย เขาจะได้มีเงินตั้งต้นด้วย ทีนี้คือ ก็คือพอเข้าไปปุ๊บ เสนอทางนี้ไป ทางนั้นไม่โอเค ก็คือ เหมือนกับว่า ไม่อยากย้ายโรงเรียนลูก เพราะว่าโรงเรียนที่ผมเลือกเนี่ย มันก็ต้องย้ายโรงเรียนลูก ที่นี้ผมก็ อ้า โอเค ถ้างั้นก็เป็นแบบนี้แล้วกัน คือ โรงเรียนเดิม แต่เป็นการจ่ายกันครึ่ง ๆ อ่า โอเค โอเค จ่ายกันครึ่ง ๆ สมมติว่า 6 แสน ผมก็อะ ผม 3 แสน คุณ 3 แสน อะไรอย่างนี้ครับผม ซึ่งผม ต้องการที่จะจ่ายตรงกับโรงเรียน แต่ทางนั้นก็ ตอนแรกก็เหมือนจะโอเคนะ แต่ทางนั้นต้องการให้จ่ายผ่านพ่อของคุณซาร่า ซึ่ง ผมก็ไม่มีความสบายใจในจุดนี้ ซึ่งเขาก็ มีข้ออ้างมาว่า ที่ต้องจ่ายตรงเพราะว่าบ้านคุณซาร่าเนี่ย เขาเรียนกันอยู่สองคนที่โรงเรียนเดียวกัน มันจะได้ส่วนลด ทีนี้ผมก็เลยโทรไปถามทางโรงเรียน ปรากฏว่าทางโรงเรียนบอกว่า ไม่ว่า transaction มันจะมาจากที่ไหน ผมจ่ายหรือว่าทางคุณพ่อตคุณซาร่าเป็นคนจ่าย ซึ่งก็ ไม่ได้เอฟเฟกส์ค่าส่วนลดอะไรตรงนั้นอย่างนี้อ่ะครับผม ซึ่งสุดท้ายก็ยื้อกันไปยื้อกันมา ตอนแรกคิดว่าจะเสร็จตอนเที่ยง เพราะว่าตอนนั้นกำลังร่างข้อตกลงกันแล้วกับทนายต้อม ทีนี้อยู่ ๆ เขาก็เกิดไม่โอเคขึ้นมาก็เลยลากยาวมาจนถึงตอน 6 โมงนี่

ทีนี้ก็ สุดท้ายก็คือไปลงเอยตอนที่ว่า ผม จ่ายครึ่ง ๆ กับเขา ตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.6 แล้วหลังจากนั้น ม.1 ถึงมหาวิทยาลัย เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องไปคุยหารือกับลูกว่าเขาอยากเรียนที่ไหน แล้วผมจะจ่าย 100 เปอร์เซนต์เต็มนั้นครับ

สรุปว่าต้องจ่ายตรงหรือว่าต้องผ่านคุณพ่อ

ไมค์: ในที่สุดก็จ่ายตรงได้แล้วครับ

แล้วก็บวกกับประกัน อะไรต่าง ๆ ใช่ไหมที่เราจะดูแล

ไมค์: ประกันสุขภาพ ประกันชีวิตอะไรอย่างนี้ครับผม แล้วก็ ผมจะเก็บเงินออมเอาไว้ด้วยสำหรับลูกในอนาคต เวลาเขาจะเข้ามหาลัยแล้วต้องมีเงินตั้งต้น

ตั้งใจจะเก็บเดือนละเท่าไหร่

ไมค์: อ่า อันนี้ก็คือไม่ได้ฟิกซ์ครับ ว่าจะเก็บเดือนเท่าไหร่ คือที่ผ่านมาผมเก็บเดือนละ 3 หมื่น แต่ในอนาคตเนี่ย มันก็ต้องแล้วแต่ตามกำลัง แบบ เกิดสถานการณ์โควิดขึ้นมาอีกอย่างนี้ ผมก็ต้องมาพิจารณาว่า เออ ผมนี้เท่านี้ผมก็เก็บเท่านี้

สิทธิ์ในการปกครองลูกทำไมยกให้ทางเขาไป

ไมค์: คือจริง ๆ เอาจริง ๆ ตั้งแต่แรกผมไม่ได้เป็นคนขอร้องสิทธิ์ปกครองหรือว่าอะไรมากมาย คือผมแค่ ต้องการที่จะเจอลูก เยี่ยมเยียนลูกได้อย่างง่ายดายครับ ก็ จริง ๆ มันมีแค่นั้นเลย

แล้วเราต้องไปเซ็นรับรองบุตรภายใน 30 วัน แล้วเราจะไปเซ็นวันไหนยังไง

ไมค์: ยังไม่ทราบครับผม แต่เดี๋ยวอันนี้ เดี๋ยวค่อยนัดกันอีกทีก็ได้ครับผม

สิทธิ์ในการการอยู่กับลูก 2 ครั้งต่อเดือน

ไมค์: ก็คือจริง ๆ ตอนแรกก็ขอไปสาม แต่ว่า เขาก็ คือเขาไม่อยากระบุว่างั้นเถอะ ก็ แต่ผมก็ต้องการยืนกรานวง่าผมต้องการระบุ ขั้นต่ำ ประมาณ 2 ครั้งต่อเดือน ซึ่งผมยืนยันตรงนี้มากว่า ยังไงก็ต้อง 2 ครั้งต่อเดือน ไม่ได้กำหนดเวลา กี่วันก็ได้

แล้วจะเจอต้องแจ้งเขาก่อนไหมว่าสะดวกหรือไม่สะดวก

ไมค์: คือในสัญญาตอนแรกบอกว่าต้องแจ้งก่อน 7 วันล่วงหน้า ซึ่งผมก็รู้สึกว่า 7 วันล่วงหน้าคือ ด้วยงานที่ผมทำอยู่มันก็แพลนยาก ผมก็เลยขอเป็น วันได้ไหม เพราะลูกก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ ลูกก็แค่เรียนหนังสือต่าง ๆ นา ๆ ซึ่ง โอเคเขาไม่ยอม สุดท้ายมันมาจบที่ 5 วัน ทุกครั้งที่ผมจะไปเจอลูกผมก็ต้องแจ้งก่อนเป็นเวลา 5 วัน ถ้าสมมติว่า เขาก็บอกว่า ใน 5 วันนี้ ผมไม่แจ้งก่อน 5 วัน เขาก็มีสิทธิ์ปฏิเสธได้ อย่างนี้ครับผม เพราะฉะนั้นผมก็ต้องแจ้ง ต้องแพลนดี ๆ

อย่างเรื่องราวมันยืดยาว เป็นปีอย่างนี้ ความรู้สึกเราในฐานะคนเป็นพ่อมันเคลียร์ไหม

ไมค์: เอ่อ จริง ๆ มันเป็นเรื่องง่าย ๆ มากครับ จริง ๆ ก็เหมือนกับวันนี้ ที่ อ่ะเอางี้ผมขอขี้แจงก่อนแล้วกัน ครั้งที่แล้วเขาให้สัมภาษณ์ตอนที่เขาไปเดินสายสวัสดีสื่อว่า ไม่ได้ติดที่ทางเขา ติดที่ทางผม ซึ่งผมก็ขอชี้แจงเลยว่าไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงเลยครับ เพราะว่าทั้งหมดมันคือติดเรื่องค่าใช้จ่าย เหมือนกับครั้งนี้ไ ม่ได้แตกต่างกันเลย แล้วอีกอย่างนึงคือ แล้วก็ตอนนั้นเขาบอกว่าคุณพ่อเขาเป็นคนจ่ายค่าเทอม ซัพพอร์ตทุกอย่าง นู่นนั่นนี่ ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยว่า เราจะผลักภาระของเราที่เราต้องรับผิดชอบไปให้คนอื่นรับผิดชอบได้ยังไง คือเป็นพ่อเป็นแม่ ต้องตัดสินใจทางเดินในชีวิตของลูกด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นตัดสินใจ แล้วก็ต้องไม่ให้คนอื่นมารับผิดชอบแทนด้วย แล้วก็อีกอย่างนึง ประเด็นหลักเลยที่ผมติดก็คือ ที่เขาบอกว่า จะยกแม็กซ์ให้กับผม แต่ผมบอกว่า ผมขอไปคิดดูก่อน ซึ่งผมขอชี้แจงในข้อนี้ คือ วันนั้นเขาบอกจะยกแม็กซ์ให้ แล้วผมหันกลับไปแล้วตอบทันทีเลยว่า ผมตกลง ผมโอเค แต่ต้องพาแม็กซ์ไปจีน แต่ทีนี้ คือ ที่ผมต้องขอกลับมาคิดดูก่อน ผมในฐานะพ่อ ก็ต้องมาคิดไหมครับว่า สุดท้ายแล้วมันดีกับแม็กซ์จริง ๆ รึเปล่า ต้องคิดให้ละเอียดและรอบคอบถูกไหมครับ ซึ่งอ่ะ การงานของผมมันเป็นระบบแคมป์ปิ้ง ผมไปในกองละครทีผมจะหายไปเลย 3 ถึง 4 เดือน แล้วกองละครมันก็ย้ายไปเรื่อยๆๆๆ ตามโลเคชั่นละคร แล้วทีนี้ถ้าผม คือโรงเรียนมันไม่ได้ย้ายตามกองละคร แล้วตอนผมอยู่ในกองละครเนี่ย แล้ว ใครจะอยู่กับแม็กซ์ ผมก็ต้องคิดตรงนี้ อยู่กับพี่เลี้ยงหรอ ก็ไม่โอเคอีก แล้วที่นั่น ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอีก ใครจะเป็นคนไปดู ใครจะเป็นคนไปจัดการเรื่องถ้าผมอยู่ในกองละคร

ข้อที่ 2 แม็กซ์คือพูดภาษาจีนไม่ได้ แล้วเขาจะไปสื่อสารกับใครรู้เรื่อง เวลาเขาจะทำอะไรกินอะไร ความกดดันที่ลูกต้องเจอ ได้คิดรึเปล่า สิ่งที่บอกว่ามีสติแล้ว คุยกับครอบครัวแล้วมีสติมากขึ้น ผมว่า มันยังไม่พอนะครับ ต้องคิดให้ได้มากกว่านี้ แล้วถ้าวันนึงลูกมาฟังภาพที่คุณสัมภาษณ์เนี่ย ลูกจะคิดยังไง ว่า อ๋อ แม่โยนให้พ่อ ยกให้พ่อแล้ว พ่อก็ บอกว่าขอคิดดูก่อนอีก ซึ่งบอกแม็กซ์ไว้วันนี้เลยว่า ไม่ได้คิดดูก่อนว่าจะรับหรือไม่รับ แต่คิดดูก่อนในเรื่องของความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติว่าเป็นไปได้หรือไม่ แค่นั้นเอง แล้วทีนี้ เจตนาคืออะไรในการสัมภาษณ์นั้น แน่นอนว่า มันชัดเจนอยู่แล้ว ให้ผมโดนด่า ซึ่ง ผมโดนด่ามา 6 ปีแล้วครับ ซึ่งมันไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับผมเลย ผมบอกตรง ๆ จะโดนด่าต่อไปมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม แต่ คนเป็นพ่อแม่อ่ะ ควรจะต้องเป็นโล่ให้กับลูก ไม่ใช่เอาลูกเป็นโล่ให้กับตัวเองแล้วเอาตัวเองไปหลบหลังลูก แล้วผมบอกเลยนะครับ อาจารย์ประมาณ ไม่ต้องมาสงสัยความเป็นพ่อของผม หมาแมวมันยังไม่ทิ้งลูกเลย ผมก็ไม่ทิ้งหรอกครับ แล้วที่ผ่านมาผมก็ดูแลลูกมาโดยตลอด ไม่ต้องมาถามหรอกครับเรื่องความเป็นพ่อจากผมอ่ะ ผมอาจจะไม่ได้ดีเท่าอาจารย์ แต่ผมก็พยายามที่สุด ในสิ่งที่คนคนนึงทำได้ก็เท่านั้น

รู้สึกอึดอัดนะกับอาจารย์ประมาณ

ไมค์: คือมันไม่จบซักทีอ่ะครับ ผมก็เลยรู้สึกว่า คือที่ผ่านมาผมไม่พูด แล้วทางนั้นก็ให้ข่าว ๆ ๆ แล้วก็คอยบิดเบือนข้อมูลอยู่เรื่อย ๆ แล้วสุดท้ายทัวร์มาลงใคร ทัวร์ก็มาลงผม แล้วคุณจะไปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผมทำไม ผมบอกเลยนะ สื่อโซเชี่ยลมีเดียที่ตอนนี้กำลังจะแบบ ชอบตอบคำถามตลอดเวลา ask me question ในอินสตาแกรม คำถามมันเลือกตอบได้ เพราะงั้น ถ้าคุณจะลงทุนขั้นเบลอชื่อผมหรืออะไรแล้วแต่แล้วไปตอบคำถามที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับผมเนี่ย เลือกไม่ตอบดีกว่าครับ แล้วเวลาคนอื่นถามเกี่ยวกับผมเนี่ย ก็ช่วยตอบไปว่า ไม่ขอตอบคำถามเรื่องไมค์ค่ะ เหมือนที่คุณน่ะ เลือกที่จะไม่ตอบคำถามเรื่องวาดิม โอเคไหมครับ ผมขอแค่นี้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับผมอีกหลังจากนี้เป็นต้นไป ผมไม่ต้องการเกี่ยวข้องหรือข้องแวะ ผมต้องการแค่นี้เลยครับ แล้วหลังจากนี้ ทำหน้าที่พ่อแม่ ดูแลลูกแบบแบ่งหน้าที่กันให้ชัดเจนเรียบร้อย มันแค่นั้นเลย

ไมค์เชื่อว่ามันจะจบลงด้วยดีได้ไหม

ไมค์: ผมไม่ทราบหรอกครับ นี่เป็นเรื่องของอนาคต แต่ที่แน่นอนคือผมจะไม่คุยกับเขา และมันไม่ใช่ทิฐิ ไม่ใช่อีโก้ มันคือประสบการณ์มที่สอนให้ผมต้องระวังตัวกับคนบางคนครับ

ที่เขาบอกว่าเราจะเจอลูกต้องแจ้งกับเขา ไม่ต้องผ่านทนาย แล้วจะแจ้งยังไง

ไมค์: ที่คุยกันไว้ข้างบนคือ ผมก็บอกชัดเจนแล้วว่าผ่านคนกลาง ครั้งที่แล้วที่ผมเจอลูกที่ภูเก็ต ก็ผ่านคนกลาง ผมก็ให้ผู้จัดการผม ไปคุยกับคนกลางเขา แล้วมันไม่ใช่เรื่องที่มันยากเย็นสาหัสอะไรเลย กับการที่ให้คนอื่นนัดเวลากัน อ่ะ ผมอยากไปเจอลูก จบ มันไม่ใช่อะไรเหลือบ่ากว่าแรงก็ทำไปเถอะครับ

ไมค์ยังมีความกังวลไหมว่าจะวนกลับ

ไมค์: แน่นอนครับว่ามันต้องมีความกังวลอยู่แล้ว เพราะมันก็เป็นอะไรที่วน ๆ อยู่อย่างนี้อ่ะครับ แล้วก็ ทุกวันนี้ผมงงมากเลยกับคำว่ารู้ดำรู้แดง รู้ดำรู้แดงคืออะไรที่เป็นการต่อสู้แบบดุเดือด มันคือคดีเด็ด มันไม่น่าเกี่ยวข้องอะไรกับรู้ดำรู้แดง แล้วถ้ามันต้องวนกลับมาลูปเดิม ผมไม่โอเค นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องมายืนอยู่ในศาลวันนี้และทำให้ทุกอย่างมันชัดเจน แบ่งหน้าที่กันไป จบ

ในวันนี้เองมันอาจจะชัดเจนเรื่องตัวเงินต่าง ๆ รับผิดชอบต่าง ๆ แต่เรื่องการกระทำที่มันแบบ การเจอลูกในอนาคตไมค์กังวลไหมว่าจะเจอยากไหม

ผมก็ยังกังวลอยู่ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเมื่อกี้ขนาดที่ผมอยากจะใส่คำบางคำเข้าไปในข้อตกลง ก็ยังติดเลย ทั้ง ๆ ที่มันแบบ ติด ติดทำไม ซึ่ง เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต ก็หวังแค่ว่า ทุกอย่างมันจะง่ายขึ้นและดีขึ้น

ก็หลังจากนี้คือจะโฟกัสแค่กับน้องแม็กซ์

ไมค์: ใช่ครับ หลังจากนี้ก็จะโฟกัสกับแค่ลูกอย่างเดียว

ในความรู้สึกของคนเป็นพ่อ ห่วงลูกตรงไหนตอนนี้

ไมค์: ในทุกอย่างแหละครับ เอาจริง ๆ หลาย ๆ เรื่อง ก็กังวลหลาย ๆ เรื่อง ก็กังวลหลาย ๆ อย่าง อนาคตของลูก ทุกอย่าง

อย่างสิทธิ์การปกครองลูกอยู่กับเขา แต่ถ้าเรามีความรู้สึกอยากจะบอกลูกให้ทำอย่างนี้ เราจะมีสิทธิ์อยู่ไหมเอาจริง ๆ

ไมค์: คือถามว่ามีสิทธิ์ไหม ทางด้านกฎหมายผมก็ไม่ทราบนะครับ แต่ก็คือ ถ้าผมมีโอกาสเจอแม็กซ์แล้วได้คุยกับเขา ล่าสุด ผมก็สอนเขาตอลดว่าถ้ามีอะไร ถ้าใครพูดอะไรใส่หู ให้มาถามแด่ดดี๋ ล่าสุดเขาเจอผมเขาก็พูดเองว่า ถ้าเจอคนบอกว่าแด่ดดี๋ไม่รักแม็กซ์ ผมจะมาถามแด่ดดี๋เอง แค่นี้ผมก็สบายใจแล้ว แค่นี้ต่อให้ใครมาพูดอะไร เขาจะฟังผม เขาจะเชื่อผม ผมก็สบายใจแล้ว

ไมค์เตรียมการยังไงว่าจะบอกลูกในอนาคต

ไมค์: ผมถึงบอกว่า เวลาจะพูดอะไรออกสื่อ คือ ต้องคิดก่อน แน่นอนวันนึงแม็กซ์จะต้องเห็น แต่สิ่งที่ตอนนี้ทำได้ มีแค่อย่างเดียวคือสร้างภูมิต้านทานให้กับเขา แค่นั้นเลยครับ

คือทำให้เขาเชื่อว่าแด่ดดี๋รักเขาจริง ๆ

ไมค์: ใช่ครับ

ก่อนหน้านี้ที่เขาออกมาเปิดเผยว่าไมค์จะจ่ายแค่เดือนละ 5000 แล้วแชร์คนละ 2500

ไมค์: หนึ่งเลยนะครับ มันเป็นข้อมูลในชั้นศาล ที่จริง ๆ แล้ว ผมไม่รู้นะครับว่าอาจารย์ประมาณเป็นทนายมากี่ปี แต่ข้อมูลในชั้นศาลพวกนี้มันเป็นความลับ แล้วมันไม่สมควรเลยที่จะออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่ง ไอ้ 2500 นี้ ผมขอบอกก่อนว่า ตั้งแต่แรกมันก็เป็นการคาดเดา เสนอว่า 5000 ไหม แล้วก็หารคนละ 2500 แล้วก็สุดท้ายมันไม่ได้เป็นข้อสรุปนะครับ 2500 เนี่ย มันไปจบที่ 10,000 และคุณซาร่าที่เป็นมารดาก็มีหน้าที่ 10,000 เท่ากับว่าลูกผมจะมีเงินเข้าต่อเดือน 20,000 ถูกไหมครับ วันนั้นมันไปลงเอยที่เลข 10,000 ผมก็ไม่เข้าใจว่าอาจารย์ประมาณวันนั้นก็ไม่ได้มา อาจจะมีอะไรคลาดเคลื่อนรึเปล่า ข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อนก็ได้

แต่ค่าเทอมบอกอีกไหมว่าจะจ่าย 30,000

ไมค์: อย่างที่บอกไปมันไม่ใช่ข้อสรุป เราแค่เสนอในศาล แล้วต่อรองกันนู่นนั่นนี่

แล้วก็ที่ว่า เหมือนไมค์ใช้จ่ายเดือนละแค่ 15,000

ไมค์: ใช่ครับ ผมใช้ทุกวันนี้เดือนละ 15, 000 บาท เวลาจะซื้อข้าวผมก็ซื้อข้าวกล่องที่มันมีสำเร็จรูป แล้วส่งมาเป็นเซ็ทเลย กล่องละ 50 บาท อย่างนี้ อะ 3 มื้อ บางวันกินแค่ 2 มื้อ ผมทำงาน แล้วก็รีบ ๆ แล้วก็แช่ช่องฟรีซไปสิ แล้วเวลาจะกินข้าวก็อุ่นไปสิ

คือเรายืนยันว่าใช่ชีวิตอย่างนี้จริง ๆ ตอนนี้

ไมค์: ใช่ครับ ผมยืนยัน