ไม่มีใครอยากเป็น ดังนั้นสำรวจตัวเอง และ หยุด! พฤติกรรมแบบผิดๆ ถ้าไม่อยากเป็น “เล็บขบ” และ วิธีป้องกันแบบง่ายๆ
ใครที่ไม่เคยเป็นเล็บขบ คงไม่เข้าใจความรุ้สึกของความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญอย่างแน่นอน บางคนอาจจะคิดว่ามันคงไม่เจ็บมากมายอะไร แต่เล็บขบคือ เล็บงอกหรือทิ่มเข้าไปที่บริเวณผิวหนังปลายเล็บ มีผลทำให้เกิดความเจ็บปวด บวม แดง หรือบางครั้งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นได้ โดยส่วนมากมักตะเป็นนิ้วโป้งที่นิ้วเท้า
ซึ่งบางคนที่เป็นเล็บขบนั้น เป็นแบบไม่รู้ตัว ไม้รู้ว่าเพราะเหตุใดทำไมถึงเป็นได้ หรือ พฤติกรรมอะไนที่ทำไปแล้วมีผลให้เป็นเล็บขบได้ ทั้งนี้สาเหตุส่วนใหญ่นั้น มาจากพฤติกรรมของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีสาเหตุการโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน ที่มักจะเป็นโรคที่ส่งผลถึงการไหลเวียนของเลือด
- พฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดภาวะเล็บขบ
- การตัดเล็บที่สั้นเกินไป
- ใส่ถุงเท้าที่แน่นจนเกินไป หรือการสวมใส่รองเท้าที่คับเกินไปจนไปกดเล็บเท้า
- สาเหตุมาจากการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับนิ้วเท้า เช่น มีสิ่งของที่มีน้ำหนักมากตกใส่เท้า
- มีเล็บเท้าที่มีรูปร่างโค้งผิดปกติ
- ความบกพร่องทางพันธุกรรม
- การไม่ดูแลสุขอนามัยของเท้า
ถ้าหากว่าเราเป็นเล็บขบแล้วต้องทำอย่างไร สำหรับคนที่พึ่งเป็น อาการยังไม่มากเท่าไร สามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง แต่หากมีอาการปวด บวม และมีหนองออกบริเวณที่เป็นแผล อาจจะเกิดการติดเชื้อ ต้องพบแพทย์ เพื่อทำการักษาอย่างถูกวิธี
- วิธิการดูแล และรักษาอาการเล็บขบ ด้วยตัวเอง
- รักษาความสะอาดบริเวณแผล เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ
- แช่เท้าลงในน้ำอุ่นประมาน 15-20 นาที 3-4 ครั้ง ต่อวัน
- ทำให้ผิวแยกออกจากขอบของเล็บเท้าโดยใช้สำลีชุบน้ำมันมะกอก
- ใช้ยาบรรเทาอาการปวดในกรณีที่มีอาการเจ็บปวด
- การใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ยาโพลิมิกซิน (Polymyxins) เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือครีมสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ
อย่างไรก็ตาม เล็บขบจะเกิดขึ้นจากสาเหตุพฤติกรรมของคนๆนั้นมากกว่า ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดเล็บขบ และรักษาความสะอาดเท้า เพราะอาจเท้าไม่สะอาด มักจะนำมาสู้โรคอื่นๆตามมาได้ อีกอย่างควรให้ความสำคัญกับการตัดเล็บเท้า เพราะนี้เป็นสาเหตุหักๆที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับเล็บขบ จากการตัดเล็บผิดทรง ควรตัดเล็บเท้าให้ตรงและไม่ให้ขอบของเล็บเท้าโค้ง และ หลีกเลี่ยงการตัดเล็บเท้าให้สั้นเกินไป
ข้อมูล : /www.pobpad.com
สามารถติดตามข่าวสาร และ เรื่องดีๆเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ เว็บไซต์ Bright Today หรือ Facebook Bright TV