ปวดตับ มีอยู่จริง ไม่ใช้แค่คำฮิตติดปาก วันนี้พาทุกคนเช็กอาการน่าสงสัย เป็นสัญญาณที่ควรพบแพทย์ เพราะตับของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว
เชื่อว่าคำว่า “ปวดตับ” เป็นคพฮิตที่ติดบอกของวัยรุ่นสมัยนี้ พูดง่ายๆอาจจะเป็นขั้นกว่าของคำว่าปวดตัว ใช้อธิบายเหตุการณ์ สถานการณ์นั้นๆที่เรียกได้ว่า น่าปวดหัวมากๆ มากเสียตนปวดหัวไม่พอ ล่ามไปถึงปวดตับ อีกทั้งคำว่าปวดตับเป็นท่าโพสต์ของสาวๆที่บอกเลยว่า เรียกรอยยิ้มให้ผู้พบเห็นแน่ๆ
หากเราทำความเข้าใจกับตัวของเรา ทำหน้าที่เสมือนเป็นโรงงานผลิตพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมทั้งยังเป็นอวัยวะสำคัญในการเผาผลาญของเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายด้วย สิ่งแปลกปลอมในร่างกายจะสะสมอยู่ที่ตับ ทำให้เกิดโรคตับต่างๆ ได้ เช่น โรคตับอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมีการอักเสบบวมของเนื้อตับ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตับ จุกตึงใต้ชายโครงขวา ร่วมกับมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และเกิดดีซ่านขึ้นได้

ทั้งนี้การอาการปวดตับมีอยู่จริง ไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้น วันนี้ Bright Today วันนี้พาทุกคนเช็กอาการน่าสงสัย เป็นสัญญาณ์ที่ควรพบแพทย์ เพราะตับของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว
1. อาการปวดจุก หรือแน่นชายโครงขวา ซึ่งเป็นที่อยู่ของตับ อาจเพราะมีการอักเสบของเนื้อตับ หรือเกิดจากก้อนเนื้องอกภายในเนื้อตับ
2. ดีซ่าน คือ ภาวะที่มีการคั่งของเม็ดสีน้ำดี ซึ่งสร้างมาจากตับ สะสมในเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ผิวหนังและเยื่อตาขาวเปลี่ยน มีสีเหลือง ซึ่งน้ำดีที่มากเกินในร่างกาย ส่วนหนึ่งจะถูกขับออกทางไต ทำให้ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม เป็นสัญญาณบ่งว่า สมรรถภาพการทำงานของตับเริ่มถดถอย
3. อ่อนเพลียเรื้อรัง หมดแรงง่าย อาจเกิดจากภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งควรได้รับการตรวจเลือดยืนยันและหาสาเหตุต่อไป โดยอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ การดื่มสุราจนทำให้เกิดโรคตับเรื้อรัง โรคอ้วนจนมีไขมันคั่งในเนื้อตับปริมาณมาก และการรับประทานยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรบางชนิด ในผู้ป่วยบางรายอาจมีสารเหล่านี้ตกค้าง จนทำให้เกิดตับอักเสบ ผลิตพลังงาน และสารที่จำเป็นต่อร่างกายได้ลดลง
4. เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า สมรรถภาพการทำงานของตับเริ่มเสื่อมลง ทำให้ร่างกายต้องดึงพลังงานสำรองจากที่ต่างๆ มาเผาพลาญ น้ำหนักตัวจึงลดลง
ข้อมูล – goodlifeupdate.com
บทความสุขภาพที่น่าสนใจ