รถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่ง เตรียมพัฒนาระบบการจ่ายค่าโดยสาร
ด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้าและสแกนนิ้ว
รถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่ง เป็นสถานีที่มีผู้ใช้งานคับคั่งมากที่สุดในโลก จากผลสำรวจพบว่าต่อวันมีผู้ใช้บริการสูงถึง 10 ล้านคน ทำให้เกิดความไม่คล่องตัวขึ้นภายในสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงการทำงานหนักของพนักงานเดินตั๋วและเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายภายในสถานี จึงเป็นที่มาของการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่ง ด้วยการจ่ายค่าโดยสารผ่านระบบจดจำใบหน้าและสแกนนิ้วมือ
ที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับเทคโนโลยีที่อัจฉริยะอย่างการจดจำใบหน้าและสแกนนิ้วมือเพื่อยืนยันตัวตน ทดแทนการกรอกรหัสด้วยตัวอักษรและอื่นๆ ซึ่งถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้น ล่าสุดยังมีข่าวออกมาว่าจะนำมาใช้ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่ง รองรับการจ่ายค่าโดยสาร ทดแทนการจ่ายค่าโดยสารแบบเดิม โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้งานในครั้งนี้ หวังช่วยให้การให้บริการนั้นรวดเร็วมากขึ้น รองรับการใช้งานที่สะดวกและสบายมากยิ่งขึ้น
ในการจ่ายค่าโดยสารด้วยวิธีการสแกนนิ้วมือหรือจดจำใบหน้า จะช่วยให้การจ่ายตั๋วนั้นรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ลดปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่ง เกี่ยวกับความล่าช้าจากปัญหาผู้ใช้บริการมากทุกวัน ซึ่งอัตราผู้ใช้บริการภายในสถานีรถไฟฟ้าอยู่ที่ 10 ล้านคนต่อวัน และมีความแออัดมากที่สุดในโลก ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปได้ยากลำบากและผู้ใช้บริการเองก็ไม่ได้รับความสะดวกมากพอ จึงเชื่อว่าการใช้วิธีจ่ายค่าโดยสารด้วยการสแกนนิ้วมือหรือจดจำใบหน้า จะช่วยลดปัญหาลงไปได้ในระดับหนึ่ง
แต่ถึงแม้ว่าเรื่องนี้อาจจะฟังดูล้ำสมัย แต่ก็ไม่ใช่ว่าการใช้ระบบจดจำใบหน้าในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่ง จะเป็นเรื่องใหม่นัก เพราะก่อนหน้านี้พลเมืองชาวจีนก็เคยมีกฎหมายเรื่องการจดจำใบหน้าและระบบการระบุแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ เพื่อป้องกันความผิดทางอาญา ทำให้เรื่องการจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าด้วยระบบจดจำใบหน้าและสแกนนิ้วมือ เป็นเพียงการพัฒนาที่ขยายกว้างขวางขึ้นในเทคโนโลยีนี้
ทั้งนี้ที่ผ่านมาสำหรับประเทศจีนถือเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในเรื่องของการตรวจสอบพลเมืองผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือและการตรวจสอบผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีหลายฝ่ายเป็นห่วงในเรื่องของการล้ำเส้นที่มากเกินไป จากการใช้เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานเรื่องต่างๆ
สรุปที่มาและความสำคัญของการใช้ระบบจดจำใบหน้าและสแกนนิ้วมือเพื่อจ่ายค่ารถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่ง
- สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่ง มีการใช้บริการที่คับคั่งมากที่สุดในโลก
- อัตราผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่งต่อวันอยู่ที่ 10 ล้านคน
- เจ้าหน้าที่และพนักงานเดินต๋วทำงานได้ยากลำบาก
- ผู้ใช้บริการไม่ได้รับความสะดวกมากนัก จากความล้าช้าในการให้บริการ ซึ่งเกิดจากการใช้บริการที่คับคั่ง
- การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าและสแกนนิ้วมือมาใช้สำหรับจ่ายค่าโดยสาร มีจุดประสงค์สำคัญคือการให้บริการที่รวดเร็วมากขึ้น รองรับการบริการที่เพียงพอกับผู้ใช้บริการ
- การจ่ายค่าโดยสารด้วยการจดจำใบหน้าหรือสแกนนิ้วมือ จะทำให้การออกตั๋วรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้สำหรับการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาปรับใช้ ถือเป็นการประยุกต์ที่มีประโยชน์และช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพลเมืองชาวปักกิ่งโดยตรง เนื่องจากการใช้บริการโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน ที่ควรได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็ว
นอกจากลดปัญหาความแออัดภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินปักกิ่ง ที่เป็นประเด็นสำคัญในการนำมาซึ่งเทคโนโลยีจดจำใบหน้าและสแกนนิ้วเพื่อจ่ายค่าโดยสาร ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่หวังให้เทคโนโลยีนี้แก้ปัญหา นั่นคือการหลีกเลี่ยงค่าโดยสารอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าถ้าหากมีการนำระบบดังกล่าวมาใช้งานจริง ผู้โดยสารคงจะได้รับความสะดวกมากขึ้นเป็นเท่าตัว และความแออัดภายในสถานีที่ครองแชมป์โลกมานาน ก็คงจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าและสแกนนิ้วมือ ปัจจุบันมีการก้าวล้ำไปมาก ถูกนำมาใช้ในระบบต่างๆ มากขึ้น ประโยชน์สำคัญของระบบดังกล่าวคือการยืนยันตัวตน ที่มีความแม่นยำสูง รองรับการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นที่ยอมรับอย่างมากในปัจจุบัน