แถลงผลสอบ “รพ.พระราม 2” เตรียมแจ้งความผิด 5 กระทง ดำเนินคดีผู้รับอนุญาตฯ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ส่วนห้องผู้ป่วยนอกให้ไม่เร่งแก้ไขใน 15 วัน อาจพักใช้ใบอนุญาต
ความคืบหน้าการตรวจสอบ รพ.พระราม 2 ในการรักษาและส่งต่อ น.ส.ช่อลัดดา ทาระวัน คนไข้ที่มารับการรักษาเนื่องจากถูกสาดน้ำกรด ซึ่งต่อมาเสียชีวิตระหว่างส่งตัวเพื่อรักษาต่อ มีคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน ได้โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้เสียหาย รพ.พระราม 2 และ รพ.เอกชนที่รับส่งต่อมาให้ข้อมูล เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา
นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) แถลงข่าวผลสรุปการประชุมคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน กรณี รพ.พระราม 2 ว่า หลังจากเกิดเหตุ สบส.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที และพบการกระทำผิด พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 คือ เรื่องดัดแปลงแก้ไขอาคารจอดรถมาเป็นห้องตรวจผู้ป่วยนอกโดยไม่ขออนุญาต เจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดทันทีและให้ดำเนินการแก้ไข ส่วนประเด็นไม่ทำตามมาตรฐานเข้าข่ายการกระทำความผิดที่มีอัตราโทษสูง ต้องนำเรื่องสู่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน โดยคณะกรรมการฯ ได้ส่งผลการประชุมให้อธิบดี สบส.พิจารณามี 5 กรณี ที่เข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2559 ดังนี้
1.กรณีที่พยาบาลวิชาชีพเป็นผู้ตรวจประเมินวินิจฉัยอาการผู้ป่วยและรักษาเบื้องต้นโดยไม่รายงานแพทย์ คณะกรรมการฯ มีมติเข้าข่ายกระทำผิดเรื่องการไม่ควบคุมและดูแลมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพปฏิบัติตามกฎหมายวิชาชีพตัวเอง อาจเข้าข่ายความผิดมาตรา 34 (1) และ (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยมีมติเอกฉันท์ให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อผู้ดำเนินสถานพยาบาลในชั้นศาล
2.กรณีพยาบาลให้การตรวจรักษาแล้ว จากการสอบถามพบว่า ได้รายงานผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ผู้ดำเนินการฯ จึงได้สั่งการให้รับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล แสดงว่ามีความจำเป็นต้องรับการประเมินจากแพทย์ ก่อนที่จะนำผู้ป่วยไปนอนโรงพยาบาลตามที่ได้สั่งการ ดังนั้น คณะกรรมการฯ มีมติว่า อาจจะเข้าข่ายไม่ควบคุมดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในโรงพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด เข้าข่ายผิดมาตรา 34 (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
3.ไม่ได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยฉุกเฉิน และการคัดแยกระดับฉุกเฉินตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ อาจเข้าข่ายกระทำผิดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และ พ.ร.บ.สถานพยาบาล มาตรา 35 (3) และ (4) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คณะกรรมการฯ มีมติให้เปรียบเทียบปรับ ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
4.ไม่ได้ดูแลช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยในสภาพอันตรายและต้องได้รับการรักษาฉุกเฉินให้พ้นขีดอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและตามประเภทของสถานพยาบาล อาจเข้าข่ายผู้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลไม่ควบคุมให้ดูแลช่วยเหลือเยียวยาตามมาตรา 33/1 โดยเข้าข่ายเอาผิดตามมาตรา 36 วรรค 1 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้รับอนุญาตฯ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
และ 5.เมื่อรับการช่วยเหลือเยียวยาแล้ว มีการอ้างความต้องการผู้ป่วยเองไปรักษา รพ.แห่งที่สอง เรื่องนี้เข้าข่ายเรื่องส่งต่อโดยไม่เหมาะสม ตามมาตรา 36 วรรค 3 อาจจะมีความผิดตามกฎหมายที่กำหนดโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับแจ้ง โดยให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้รับอนุญาตฯ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
“คณะกรรมการฯ มีมติให้แจ้งความร้องทุกข์ทั้งหมด ทั้งเปรียบเทียบปรับและจำคุก ซึ่งกองกฎหมายได้ส่งเรื่องให้อธิบดี เพื่อให้ความเห็น โดยได้ให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการฯ ต่อไป คือ ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวนที่ สน.ท่าข้าม ซึ่งจะส่งหนังสือในวันที่ 21 พ.ย. เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย สำหรับการเปรียบเทียบปรับนั้น คณะอนุกรรมการเปรียบเทียบจะพิจารณาว่า ทั้งหมดปรับเท่าไร โดยจะเสนอวงเงินเปรียบเทียบปรับต่อคณะกรรมการสอบสวนฯ ต่อไป” นพ.ณัฐวุฒิ กล่าว
นพ.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนพยาบาลที่ให้การดูแลรักษาและยอมรับว่า ไม่ได้รายงานแพทย์เวร กรณีนี้เข้าข่ายเรื่องจริยธรรมประกอบวิชาชีพไม่เป็นตามมาตรฐานที่กำหนด จะส่งเรื่องนี้ต่อสภาการพยาบาลพิจารณาต่อไป ซึ่งจากการพิจารณาทั้งหมด ไม่เข้าข่ายปฏิเสธรักษา เพราะผู้ป่วยขอไปรักษาที่อื่นเอง และมีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว
ต่อข้อถามว่าการสั่งปิดห้องผู้ป่วยนอกที่ไม่ได้ขออนุญาต ทาง รพ.พระราม 2 ได้ดำเนินการอย่างไร นพ.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ให้เวลาแก้ไขภายใน 15 วัน ซึ่งหากไม่ดำเนินการอาจถูกพักใช้ใบอนุญาต ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้มาขอแก้ไข ส่วนบางอย่างที่ทำไม่ได้มาตรฐาน เช่น การส่งต่อ ก็มีคำสั่งทางปกครองให้แก้ไขภายใน 15 วัน กรณีอื่นก็ต้องช่วยเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิด