คดีปล้นรถขนเงินบริษัท Brinks ซึ่งหัวโจกตัวบงการปล้น ถูกตำรวจวิสามัญไปเมื่อวานนี้ ขณะที่แม่ผู้ก่อเหตุออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน เพราะเชื่อว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ล่าสุดตำรวจเตรียมอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของ ผู้ก่อเหตุ หลังพบข้อมูลว่า อาจนำเงินที่ได้จากการก่อเหตุครั้งแรกแปรเป็นทรัพย์สินจำนวนมาก
พนักงานสอบสวน สน.หนองค้างพลู เร่งทำบัญชี ทรัพย์สินของ นายทักษ์ดนัย เหนี่ยวรั้งใจ หรือ กอฟ หัวโจกทีมปล้นรถขนเงิน และ บัญชีทรัพย์สิน ของ นางสุพัตรา เหนี่ยวรั้งใจ ผู้เป็นแม่ เนื่องจากต้องสรุปข้อมูลทรัพย์สิน เพื่อเปรียบเทียบกับเส้นทางการเงินระหว่าง นายกอฟและมารดา ว่า มีการนำเงินที่ได้จากการก่อเหตุไปแปรสภาพเป็นสิ่งของด้วยหรือไม่ เนื่องจากต้องเรียกคืนทรัพย์สินจากการก่อเหตุคืนกลับให้ผู้เสียหาย
สำหรับ นายทักษ์ดนัย เคยก่อเหตุร่วมกับ นายแบงค์ อายุ 19 ปี ชิงทรัพย์เงินขนเงินอีก 1 ครั้ง ได้เงินสดไปจำนวน 6.6 ล้านบาท เมื่อปี 2560 ซึ่งหากพบว่า ทรัพย์สินที่ได้มาหลังก่อเหตุครั้งแรก พบหลักฐานว่าใช้เงินในขณะนั้นไปหาซื้อ ต้องยึดทรัพย์ทันที
สำหรับทรัพย์สินของนายทักษ์ดนัย ที่ถูกอายัดเพื่อตรวจสอบเบื้องต้นได้แก่
-ธนบัตรเงินสด 2.9 แสนบาท
– บ้านเลขที่ 171/46 หมู่บ้านตะวันทอง3 เขตหนองแขม กทม. มูลค่า 1.8 ล้านบาท
– รถกระบะอิซุซุ 4 ประตู สีขาว-ดำ ทะเบียน 7กก 6710 กทม.
– รถ จยย. ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน 7 กต 5952 กทม.
ด้าน นางสุพัตรา เหนี่ยวรั้งใจ อายุ 49 ปี แม่ของ นายกอฟ เปิดใจกับทีมข่าวยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของลูกชาย เพราะ หลังเกิดเหตุนายกอฟได้หลบหนีแยกย้ายไปคนละทางกับ นายแบงค์ หากแต่เมื่อนายแบงค์ถูกจับและตรวจพบอาวุธปืน จึงเชื่อว่าลูกชายไม่มีปืนเหลือติดตัวแล้ว เมื่อตำรวจตัดสินใจวิสามัญจึงเชื่อว่า เป็นการตายแบบมีเงื่อนงำ โดยหลังจากนั้นจะเดินหน้าร้องความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนทุกสำนัก เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการวิสามัญครั้งนี้
ขณะที่ผู้พักอาศัยในหมู่บ้านตะวันทอง 3 ให้ข้อมูลว่า หลังมีข่าวปล้นรถขนเงิน สังเกตว่า นางสุพัตรา เก็บตัวอยู่ในบ้านเพียงอย่างเดียว ขณะที่ นายกอฟ ยังกลับมาพักที่บ้าน แต่มาหายไปช่วง 3-4 วัน ก่อนถูกวิสามัญ
อย่างไรก็ตามศพของนายกอฟ ญาติได้รับกลับมาตั้งพิธีบำเพ็ญกุศล ในศาลาวัดหนองแขม ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก ส่วนขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหา ชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการรับทราบข้อหา ฆ่าผู้อื่น แล้ว ในเบื้องต้น และ เตรียมสอบสวนเพื่อสรุปข้อมูลว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจากการปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากผู้ต้องหาต่อสู้ขัดขวางโดยอาวุธปืน ซึ่งเป็นขั้นตอนตามระเบียบของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ