สสส. ชวน “สาด ไม่ดื่ม ไม่ซิ่ง” ช็อกมอเตอร์ไซค์เกิดอุบัติเหตุสูงร้อยละ 79.85 รณรงค์ใส่หมวกกันน็อก ยอดคนเจ็บสงกรานต์พุ่ง จนบุคลากรไม่เพียงพอ ภรรยาเหยื่อดื่มแล้วขับ ฝากเตือนขับขี่ปลอดภัย ใกล้ไกลใส่หมวกทุกครั้ง
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นประธานเปิดงานรณรงค์รับมืออุบัติเหตุสงกรานต์ ภายใต้แนวคิด “สาด ไม่ดื่ม ไม่ซิ่ง” จัดโดย สสส. ร่วมกับ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และเครือข่ายสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.)
ดร.สุปรีดา กล่าวว่า ข้อมูลศูนย์ปลอดภัยคมนาคม ระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีปริมาณการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ปริมาณรถยนต์เดินทางเข้าและออกกรุงเทพมหานครสู่ภูมิภาคบนถนนทางหลวงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 จำนวน 8.7 ล้านคัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ จำนวน 7.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านคัน คิดเป็น ร้อยละ16.31 ข้อมูลจากศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน สงกรานต์ปีที่ผ่านมา พบว่ารถจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะที่เกิดเหตุสูงสุดถึงร้อยละ 79.85 และทำให้เสียชีวิตสูงถึง ร้อยละ 67.4 สาเหตุการเสียชีวิต คือ ขับรถเร็ว และดื่ม/เมาแล้วขับ เป็นลำดับต้น ๆ และมีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เสียชีวิตถึง 60 คน หรือร้อยละ 14.3 อีกทั้งข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบว่าผู้บาดเจ็บที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี มีจำนวน 1,449 คน ตัวเลขทั้งหมดจึงยืนยันได้ว่า จักรยานยนต์คือพาหนะที่ต้องให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเตือนมากขึ้น กิจกรรมรณรงค์ “สาด ไม่ดื่ม ไม่ซิ่ง” มุ่งสร้างกระแสให้ถึงกลุ่มเยาวชน วัยรุ่น วัยทำงานที่ออกมาเล่นน้ำ มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ปลอดภัย ไม่ดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ ไม่ขับรถเร็ว ไม่ประมาท ส่วนผู้ที่เล่นสงกรานต์เองควรรอให้ผู้ขับขี่ชะลอหรือจอดรถก่อน ค่อยสาดหรือเล่นน้ำ
“ในหนึ่งปีนอกจาก สสส. จะสนับสนุนงานวิชาการ และกลไกการทำงานตั้งแต่ระดับพื้นที่ ไปจนถึงระดับประเทศแล้ว ในช่วงเทศกาลสำคัญยังเน้นกลยุทธ์สื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อรูปแบบต่าง ๆ ทั้งสื่อกระแสหลัก และสื่อดิจิทัล โดยในปีนี้ได้มุ่งสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย เรื่องผลกระทบการเกิดอุบัติเหตุ เช่นโรคเครียดหลังจากเกิดอุบัติเหตุ สถิติการเกิดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ ความสำคัญของการคาดเข็มขัดนิรภัย รวมทั้งมิวสิกวิดีโอเพลง ‘คิดถึงบ้าน’ ขับร้องโดยคุณเอ๊ะ จิรากร เป็นเรื่องราวของคนที่กำลังเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัว แต่สอดแทรกการเตรียมความพร้อมด้านคนและรถให้ปลอดภัยเข้าไปด้วย” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร รองประธานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) กล่าวว่า มาตรการลดความเร็ว และลดการดื่ม/เมาแล้วขับ เป็นหัวใจสำคัญของการลดการเจ็บตาย และปีนี้มีวันหยุดยาวกว่าทุกปี อีกทั้งประชาชนเดินทางกลับบ้านเร็วขึ้น ยิ่งวันที่13 เมษายน สถิติยืนยันว่า เป็นวันที่คนดื่มสุราฉลองหนักมากที่สุดและตายสูงสุดในเย็นวันนั้น โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ และปิ๊กอัพเปิดท้าย นอกจากนี้การเกิดอุบัติเหตุบนถนนสายรองจะพบว่ามากถนนสายหลัก แต่การเสียชีวิตจะปรากฎที่ถนนสายหลักมากที่สุด นอกจากการเมาแล้วขับ อีกสองสาเหตุที่สำคัญบนถนนสายหลักคือ ง่วงหลับใน และการขับรถปาดหน้าแทรกในระยะประชิด อย่างไรก็ตามอยากขอความร่วมมือทุกภาคส่วนรณรงค์เชื่อมประสานสร้างความเข้าใจผู้ใช้รถใช้ถนน มาตรการบังคับทางกฎหมายต้องเข้มงวด ลึกลงไปถึงกติกาหมู่บ้าน ชุมชนคนในพื้นที่ หากพบเห็นคนเมา คนขับรถซิ่ง ต้องช่วยกันสะกัดก่อนจะไปเกิดอุบัติเหตุ
พญ.ณธิดา สุเมธโชติเมธา กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องแบบนี้ สำหรับ รพ.ราชวิถี อาจไม่มีผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติ เนื่องจากประชาชนจำนวนมากได้เดินทางออกต่างจังหวัด แต่สำหรับจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยว หรือถนนไฮเวย์ โรงพยาบาลที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ดังกล่าวมีจำนวนผู้ป่วยฉุกเฉินจากอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติมาก เนื่องจากช่วงวันหยุดยาวมักเกิดอุบัติเหตุหมู่ จึงทำให้มีจำนวนผู้ป่วยฉุกเฉินมากขึ้น และสิ่งที่โรงพยาบาลต้องเผชิญทุกวันหยุดยาวต่อเนื่อง คือปัญหาขาดแคลนบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่วนปัจจัยการเกิดอุบัติเหตุยังคงเป็นปัญหาดื่มแล้วขับ
“การแก้ไขปัญหาผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล นอกเหนือจากการรณรงค์ลดอุบัติเหตุอย่างเข้มข้นแล้ว ต้องให้ความรู้กับประชาชนในการป้องกันตนเองและช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินได้ เช่น การปฐมพยาบาลเบื้องต้น สามารถโทรขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ถูกต้อง เพื่อลดความพิการและความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น” พญ.ณธิดา กล่าว
ขณะที่ นางเอ (นามสมมติ) ภรรยาของผู้ประสบอุบัติเหตุดื่มแล้วขับจนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงกว่า 5 ปี เปิดเผยว่า เมื่อปี 2557 ในงานเลี้ยงวันสงกรานต์ สามีดื่มจนเมาแล้วขับรถไปทำงาน และไม่ได้สวมหมวกนิรภัย จนประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ล้มหัวฟาดฟุตปาธ กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงมา 5 ปีแล้ว และเมื่อถึงวันที่ 13 เมษายนของทุกปี ตนจะนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอ หลายครั้งที่ท้อร้องไห้กับตัวเอง คิดถึงภาพครอบครัวที่เคยอบอุ่น เพราะสามีเป็นคนที่รักครอบครัวมาก แต่วันนี้ไม่มีภาพนั้นอีกแล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงตั้งใจดูแลสามีและลูกให้ดีที่สุด ด้วยหวังว่าสักวันอาการจะดีขึ้น
“อยากฝากเป็นอุธาหรณ์เตือนสติผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์ แม้การห้ามดื่มเหล้าในเทศกาลจะเป็นเรื่องยาก แต่อยากขอให้ทุกคนที่คิดจะดื่มไม่ควรขับรถออกไปบนท้องถนน เพราะอาจมีคนอีกมากมายที่ตกเป็นเหยื่อดื่มแล้วขับ แต่ถ้าหากไม่ดื่มเลยได้ก็จะดีที่สุด เพื่อสุขภาพของตัวเองและเพื่อคนที่รัก สงกรานต์สนุกได้ไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ” นางเอ กล่าว