เอ๊ะยังไง…หน้าใสแล้วจะทำให้ภัยร้ายอะไร?
มีคนจะมาติดตามหรอ?
มีคนจะมาข่มขืน?
หรือมีคนคิดทำร้าย?
แหม่ๆ อย่าเพิ่งคิดกันไปไกลกว่านี้คร้า…ที่บอกว่าเป็นภัย คือ ภัยร้ายของครีมทาหน้าที่สาวๆใช้อยู่ในปัจจุบัน
เดี๋ยวนะ ก็ใช้มาตั้งนาน ไม่แพ้ ไม่คัน ไม่มีสิว แล้วมันจะทำให้หน้าพังได้ยังไง?
อย่าเพิ่งสงสัยกันค่ะ ที่จะบอกคือ สำหรับสาวๆที่ผิวหน้ามีสิว ผื่นแดง ผิวแพ้ง่าย ลองตรวจดูครีมที่ใช้ก่อนว่ามีสารสเตียรอยด์รึเปล่า…แต่จะตรวจยังไง?
…..สาว Bright มีวิธีมาบอกคร้า…..
-ที่อยู่ชัดเจน
ผลิตภัณฑ์ ต้องมีข้อมูล แหล่งที่มา ที่เชื่อถือได้ระบุไว้อย่างชัดเจน
-ไม่มีโฆษณา
ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญของเครื่องสำอาง และไม่ใช้ข้อความที่ขัดต่อศีลธรรม
-ครีมเป็นเนื้อเดียว
ครีมต้องไม่มีการแยกชั้นกันของเนื้อครีม เมื่อตั้งทิ้งไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง
-ครีมไม่เปลี่ยนสี
เนื้อครีมต้องไม่เปลี่ยนสีในระยะเวลาอันสั้น อาจจะ 1-3 เดือนหลังจากที่ซื้อ เช่น เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทา หรือเหลือง
-ไม่เห็นผลเร็ว
ครีมที่ใช้ต้องไม่เห็นผลเร็วจนเกินไป โดยเฉพาะเห็นผิวขาวขึ้นอย่างชัดเจนภายใน 7 วัน เพราะครีมที่ดีควรค่อยๆ ผลัดผิวใหม่ของเราอย่างช้าๆ ใช้เวลา 1-2 เดือน
-ไม่มีกลิ่นแปลกๆ
ครีมต้องไม่มีกลิ่นแปลกๆ นอกจากกลิ่นสารเคมีเข้มข้นแล้ว ไม่ควรมีกลิ่นน้ำหอมจนฉุนจมูก
-ของถูกและดีไม่มีจริง
อย่าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ที่ราคาไม่เหมาะสมกับคำเคลม อย่างเช่น ครีมทาผิวขาว ช่วยให้ผิวขาวเห็นผลใน 3-7 วัน แต่ราคาถู๊ก ถูก
-ซื้อจากแบรนด์ใหญ่
ซื้อผลิตภัณฑ์กับบริษัทที่เชื่อถือได้ มีทีมนักวิจัย หรือนักวิทยาศาสตร์ที่ดูความปลอดภัยให้กับผลิตภัณฑ์
แต่วิธีง่ายที่เราสามารถทดสอบเองสบายๆ นั้นคือ การทดสอบกับผงซักฟอก ที่เราใช้ซักผ้านี่แหละค่ะ….แต่วิธีนี้จะพิสูจน์ไม่ได้ 100 % แต่ลองดูก็ไม่ผิดนี่ค่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า…
เริ่มจากนำผงซักฟอกมาละลายน้ำแบบเข้มข้น จากนั้นก็เอาไปหยดในครีมที่ใช้ แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงของครีม คือว่าถ้าครีมเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลไหม้ หรือเปลี่ยนสีไปจนผิดเพี้ยน แสดงว่าครีมที่คุณใช้อยู่นั้น…อาจมีส่วนผสมของสารอันตรายอยู่นั่นเองนะคะ
“สาว Bright เตือนแล้วนะ”