เคยมั้ย? ตื่นเช้ามาพร้อมความรู้สึกที่ว่า ‘ไม่อยากไปทำงานเลย’ และเป็นอย่างนี้แทบทุกวัน! จนคุณเผลอคิดไปว่าตัวเอง ‘เกลียดงาน’ เหลือเกิน… มีงานวิจัยบอกไว้ค่ะว่า 75% ของพนักงานออฟฟิศ (โดยเฉพาะ Gen X) มีระดับความเครียดในที่ทำงานประมาณระดับ 3 (หรือสูงกว่า) จาก 5 ระดับ!!! ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คุณ ‘เกลียดงาน’!
โดยนักจิตวิทยาอย่าง ‘Jivan Dempsey’ ให้ความเห็นว่า วัฒนธรรมของการทำงานมากเกินไปถูกเติมพลังด้วยเทคโนโลยีบางอย่าง ที่ทำให้เราพร้อมเสมอสำหรับงาน ส่งผลให้เกิดความเครียด ความกดดัน และทำให้เรากลายเป็นเหยื่อของการปกครองในที่ทำงานที่ไม่ยอมให้ร่างกายได้ผ่อนคลายหรือเติมพลัง ซึ่งในขณะที่ทุกคนรู้ดีว่าความเครียดนั้นไม่ดีสำหรับตัวเอง แต่รู้ไหมคะว่า ความเครียดที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง สะสม อาจก่อโรคต่างๆ ให้คุณด้วย
- โรคนอนไม่หลับ สัญญาณบางอย่างที่ไม่โอเคได้เกิดขึ้นก็เมื่อตอนที่คุณเริ่มฝันเกี่ยวกับงานนั่นแหละค่ะ แต่ความพีคคือคุณฝันแบบลูกโซ่ ซึ่งทำให้คุณแทบไม่ได้นอนเลยนั่นเอง
- ปวดกล้ามเนื้อ เมื่อชีวิตการทำงานเต็มไปด้วยความกังวล ประหม่า หวั่นวิตกอย่างต่อเนื่องทุกวัน ความรู้สึกถูกกดดัน บีบคั้น และผ่อนคลายขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้านายอยู่เสมอ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกค่ะถ้าร่างกายคุณจะล้า กล้ามเนื้อจะเจ็บปวดเหมือนตัวเองกำลังยกน้ำหนักอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
- ความดันโลหิตสูงขึ้น ความเครียดที่เกิดขึ้นจากการทำงานจะส่งผลให้ร่างกายของคุณหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและเสี่ยงต่อการที่เส้นเลือดตีบตัน ทีนี้ความดันโลหิตก็จะสูงขึ้นนั่นเอง
- เสี่ยงหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตที่สูงขึ้นจากภาวะความเครียดอาจอยู่กับคุณในระยะยาวหากคุณยังคงกังวลตลอดเวลาขณะอยู่ในที่ทำงาน และสิ่งนี้อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงอย่างภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองค่ะ
- หยุดยั้งระบบภูมิคุ้มกัน ความเครียดเรื้อรังจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเราอ่อนแอลงและพ่ายแพ้ต่อความเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้นค่ะ ดังนั้น หากปล่อยไว้ภาวะนี้อาจส่งสัญญาณว่าวงจรอุบาทว์ของปัญหาสุขภาพกำลังคุกคามเราค่ะ
- เหนื่อยตลอดเวลา เราทุกคนล้วนเหนื่อยจากการทำงานค่ะ แต่หากคุณเหนื่อยล้าจนถึงจุดที่ไม่สามารถงีบหลับได้ หรือถูกตรึงให้นอนขี้เกียจอยู่บนเตียงในวันหยุดสุดสัปดาห์อยู่เสมอ แสดงว่าความเครียดที่เกิดขึ้นกำลังทำลายพลังงานทั้งหมดในตัวคุณซึ่ง…อันตรายนะคะ
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงอาการของโรคต่างๆ ข้างต้น คุณต้องเข้าให้ถึงรากหรือสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาค่ะ ว่าความเครียดนั้นเกิดจาก ‘งาน’ หรือเกิดจาก ‘คุณ’ ซึ่งมีอารมณ์สนองตอบต่อสถานการณ์การทำงานอย่างพลุ่งพล่านกันแน่ เพราะ Jivan Dempsey อธิบายไว้ว่า อารมณ์ความโกรธหรือหงุดหงิดในที่ทำงานเป็นการตอบสนองเชิงวิวัฒนาการต่อสิ่งเร้า และจิตใต้สำนึกของคุณมักตื่นตัวต่อความขัดแย้งหรือความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะคุณไม่ชอบงาน เพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านาย ไปจนถึงการที่งานนั้นท้าทายเกินไปหรือไม่ท้าทายพอ
อย่างไรก็ตาม หากคุณพบว่าตัวเองโกรธตลอดเวลาอาจบอกถึงปัญหาสุขภาพหรือพฤติกรรมการแสดงออกที่ไม่เกี่ยวอะไรกับการทำงานเลยก็ได้ค่ะ ซึ่งทางแก้ไขเบื้องต้นที่ Jivan แนะนำคือ ‘การทำสมาธิ’ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยให้คุณหายใจผ่านอารมณ์ของตัวเองเพื่อปลดปล่อยความโกรธและเปิดใจให้สงบนั่นเอง
ทั้งนี้ ควรฝึกสมาธิอย่างน้อยวันละ 15-30 นาที โดยหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยให้อารมณ์ของคุณลุกโชนขึ้น สังเกตและพิจารณาอารมณ์เหล่านั้นจากนั้นมันปล่อยทิ้งไป เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะรู้สึกถึงความสงบเอง การฝึกแบบนี้ช่วยให้คุณสามารถเผชิญกับความท้าทายในแต่ละวันเพื่อสร้างความสุขจากการทำงานได้ ขอเพียงจำไว้ว่าจงเป็น ‘เชียร์ลีดเดอร์ของตัวเอง’ ซึ่งจะทำให้การทำงานของคุณสนุกมากขึ้นค่ะ
แต่หากการฝึกสมาธิไม่ใช่ทางของคุณ การพูดคุยเพื่อปรึกษาจิตแพทย์ก็ดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการช่วยจัดการกับอารมณ์ ความโกรธ และความเครียดค่ะ ดังนั้น เลือกทางที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อค้นให้พบความสุขจากการทำงานดีกว่า เพราะชีวิตเรานั้นสั้นเกินไปที่จะไม่แฮปปี้กับการทำงานนะคะ
ที่มา: www.glamourmagazine.co.uk
อ่านบทความไลฟ์สไตล์อื่นๆ คลิก
ติดตามข่าวอื่นที่คุณสนใจ คลิก