กิจกรรมยอดฮิตสุดๆ ยุคนี้คงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘เที่ยว’ ค่ะ โดยเฉพาะเที่ยวต่างประเทศ แต่อ๊ะๆ… ใครที่คิดจะบินไกลขอให้ฟังทางนี้ก่อน เพราะแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ บ้านเราอย่าง ‘ศรีลังกา’ นั้น น่าสนใจไม่แพ้ประเทศในแถบยุโรปหรืออเมริกาเลย แถม Lonely Planet แมกกาซีนท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก ยังยกให้ ‘เกาะ’ ของเอเชียใต้แห่งนี้เป็นประเทศยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวในปี 2019 อีกด้วย ดังนั้น ทัวริสต้าทั้งหลายห้ามมองข้ามจ้า!!!
เกือบ 10 ปีหลังจากสิ้นสุดสงครามกลางเมือง ในที่สุดศรีลังกาก็ได้รับการยกย่องจาก Lonely Planet ว่าเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกที่ควรไปสัมผัสในปี 2019 โดยอ้างอิงจากการที่เกาะศรีลังกามีการพัฒนาเรื่องการขนส่ง โรงแรมและสถานที่พักใหม่ๆ รวมถึงกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ศรีลังกาสมควรได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะในรางวัล Best in Travel ประจำปี 2019 ของไกด์บุ๊กระดับโลกเล่มนี้
หนังสือ ‘Best in Travel 2019’ ของ Lonely Planet ระบุว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่นักท่องเที่ยวจะได้เข้ามาสัมผัสกับการผสมผสานระหว่างศาสนาและวัฒนธรรม วัดวาอารามโบราณ ความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมถึงภาพการเติบโตของลูกคลื่นในท้องทะเล และการต้อนรับอย่างเป็นมิตรในศรีลังกา หลังจากผ่านหลายทศวรรษของความขัดแย้งในสงครามกลางเมือง … วันนี้ ศรีลังกากำลังฟื้นคืนชีพ โดย ‘ประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด’ ในเกาะทางใต้ของทวีปเอเชียนี้ ได้รวมถึงการชุมนุมของช้าง 300 เชือกที่อุทยานแห่งชาติ Minneriya การเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานทางพระพุทธศาสนาอายุกว่าพันปี การเดินป่า และการนั่งรถไฟเพื่อสัมผัสกับไร่ชา Hill Country ด้วย
และเนื่องจากมีชายฝั่งจำนวนมาก ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเลือกที่จะมาเซิร์ฟที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ แถมผู้ประกอบการท่องเที่ยวยังมีการนำเสนอการเดินป่าควบคู่ไปกับการเล่นโยคะ และการบำบัดด้วยอายุรเวทแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวฟรีมากมาย รวมทั้งพิธีกรรม Puja ที่มีสีสันบนหน้าผาของ Koneswaram Kovil ใน Trincomalee ทางตะวันออกเฉียงเหนือ การเดินเที่ยวตลาด Pettah แหล่งค้าขายหลักของโคลัมโบ รวมไปถึงการสัมผัสเมือง Galle เมืองอาณานิคมเก่าแก่ทางตอนใต้ของเกาะแห่งนี้
ทั้งนี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาศรีลังกาเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่สิ้นสุดความขัดแย้ง 26 ปีของสงครามกลางเมือง จาก 447,890 คน ในปี 2009 เป็น 2.1 ล้านคนในปีที่แล้ว ซึ่งหน่วยงานพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของศรีลังกาหวังว่ายอดทัวริสต์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2020เนื่องจากมีการบูรณะระบบรถไฟ ทำให้ศรีลังกาสามารถเปิดเส้นทางสู่เมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างเมือง Jaffna ขึ้นไปทางเหนือได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 โดยก่อนหน้านี้บริเวณดังกล่าวถือว่าเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวมากเกินไป และเส้นทางรถไฟที่สวยงามในศรีลังกาตอนนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกด้วย นอกจากนี้ยังมีการสร้างมอเตอร์เวย์ขึ้นทางใต้อย่างเมือง Matara อีกทั้งมีเส้นทางบินภายในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วย เช่น จากเมืองหลวงโคลัมโบ ไปยัง Batticaloa เมืองทางฝั่งตรงข้ามของเกาะโดยใช้เวลาเพียง 45 นาที
ไม่เพียงแค่ระบบขนส่งเท่านั้น ธุรกิจการท่องเที่ยวของศรีลังกายังมีการลงทุนในที่พักสำหรับผู้มาเยือนใหม่ ๆ จากที่พักอาศัยธรรมดา ไปจนถึงที่พักเชิงไฮเอนด์ ด้วย เช่น Wild Coast Lodge อาคารรังไหมเหมือนในอุทยานแห่งชาติ Yala เป็นต้น อีกทั้งเครือข่ายโรงแรมระดับนานาชาติที่สำคัญ ได้แก่ Shangri-La, Mövenpick, Sheraton และ Grand Hyatt ก็กำลังเปิดให้บริการโรงแรมแห่งใหม่ที่นี่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ‘Asha de Vos’ นักชีววิทยาทางทะเลและผู้ก่อตั้งองค์กรอนุรักษ์ Oceanswell ของศรีลังกา ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า การต้องรองรับนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นทำให้ศรีลังกามีการก่อสร้างสร้างโรงแรมและโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้นโดยใช้พื้นที่ธรรมชาติไปเป็นจำนวนมาก เกิดเป็นแรงกดดันและเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าและแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้การขาดการประสานงานและการวางแผน โรงแรมหลายแห่งในศรีลังกาจึงว่างเปล่า ดังนั้น ในขณะที่การท่องเที่ยวมีผลเชิงบวก แต่หากทำอย่างกะทันหันและไม่มีการวางแผน การดึงนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาอาจเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ เพราะการพัฒนานี้มีผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งทะเลและอุทยานแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณนักท่องเที่ยวที่เกินกำลังการจัดการของคนในพื้นที่ในช่วงฤดูท่องเที่ยว จะทำให้มลพิษจากขยะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม Asha de Vos เชื่อว่าการท่องเที่ยวในศรีลังกาจะเป็นประโยชน์ แต่รัฐบาลจำเป็นมีการศึกษาและแสดงวิสัยทัศน์การควบคุมและการจัดการในระยะยาว รวมถึงต้องปกป้องพื้นที่จากการพัฒนาที่มากเกินไปด้วย และควรให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นหัวใจหลักของผลผลิตทางการท่องเที่ยวที่กำลังสร้างขึ้นนี้
เอาเป็นว่าใครอ่านบทความนี้แล้วอยากไปเที่ยว ‘ศรีลังกา’ ก็วางแผนการท่องเที่ยวดีๆ และขอให้เป็นทัวริสต้าสุภาพชน มีจิตสำนึกในการเคารพธรรมชาติของบ้านเขาด้วยน้าาา … Respect for Nature นะคะ
ที่มา: www.theguardian.com
