ประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้วค่ะสำหรับ ‘กฎหมายไขมันทรานส์’ หรือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายกรดไขมันทรานส์ จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ที่มีการร่างขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2562 เป็นต้นไป และเชื่อมั้ย? ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนนะคะที่บังคับใช้กฎหมายนี้
เหตุผลที่ต้องมีกฎหมายนี้ขึ้นมาก็เพราะไขมันทรานส์เป็นไขมันที่อันตรายต่อสุขภาพ ไม่มีประโยชน์ หากบริโภคเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้คอเรสเตอรอลชนิดเลวในเลือดเพิ่มขึ้น และยังไปทำลายคอเรสเตอรอลชนิดดีอีกด้วย เพราะเจ้าไขมันทรานส์เป็นไขมันที่เกิดจากการแปรรูปค่ะ มันเลยย่อยสลายได้ยากกว่าไขมันชนิดอื่น ทำให้ตับของเราต้องทำงานหนักและสลายไขมันด้วยวิธีที่แตกต่างออกไปจากการย่อยสลายไขมันตัวอื่น ทำให้เสี่ยงมีภาวะการทำงานของตับที่ผิดปกติ และนอกจากนี้ยังทำให้น้ำหนักและไขมันส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น จนถึงขั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดอีกด้วย จากผลสำรวจยังพบว่าโรคหลอดเลือดหัวใจ ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยอันดับต้น ๆ รองลงมาจากโรคมะเร็งอีกด้วยค่ะ
และอาหารที่พบว่ามีการปนเปื้อนไขมันทรานส์มากเป็นอันดับต้น ๆ ได้แก่ น้ำมันพืช, มาการีน, เนยเทียม, โดนัททอด, พาย, พัฟ, เพสตรี และเวเฟอร์ช็อกโกแลต นั่นเองค่ะ
ดังนั้น ใจความสำคัญในกฎหมายจึงมีหลัก ๆ ด้วยกัน 2 ข้อคือ
- ให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนและอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ เป็นอาหารที่ห้ามผลิต น้ำเข้า หรือจำหน่าย
- ประกาศฉบับนี้ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ส่วนโทษของผู้ที่ฝ่าฝืนคือ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาทค่ะ (ถือว่าไม่เบาเลยนะคะ)
ไม่เพียงให้กฎหมายเป็นตัวกำหนดอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ แต่ก่อนจะบริโภคอะไรอย่าลืมใส่ใจและให้ความสำคัญกับมันด้วย ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อสุขภาพของตัวเราเองค่า