ยุทธการถลกจีวร!..อดีตพระวิรพล ฉัตติโก หรือ อดีตหลวงปู่เณรคำ เริ่มขึ้นจากการร้องทุกข์กล่าวโทษของ นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และคดีนี้ถือเป็นการแจ้งเกิดของนักตีแผ่อย่าง”ทนายสงกรานต์”

“สมีคำ”ได้ก่อคดีในต่างกรรม ต่างวาระ โดยผลกรรมแรกเป็นผลพวงมาจากพฤติการณ์”อวดอุตริ อภินิหาร” เพื่อฉ้อโกงเงินบริจาค จากประชาชนผู้มีจิตศัทธา ถูกดำเนินคดี ฉ้อโกงประชาชน ,ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดฐานฟอกเงิน โดยมีหลักฐานที่ปรากฏในชั้นสอบสวนพบว่า ในการเดินสายเทศน์ตามสถานที่ต่างๆ “เณรคำ” จะอวดอ้างว่าตัวเองเป็นพระสงฆ์ชรารูปหนึ่งที่มรณภาพแล้วกลับชาติมาเกิดสามารถระลึกชาติได้และกลายเป็นที่มาของชื่อ “หลวงปู่เณรคำ”  มีการสร้างภาพลักษณ์ของพระชรา ด้วยการเคี้ยวหมากอวดอุตริว่านิมิตพบพระอินทร์และพญานาค ซึ่งในระหว่างนี้พระที่ใกล้ชิดเณรคำใช้โซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ที่จัดทำขึ้นเอง  เผยแพร่เรื่องราวชวนเชื่อที่เกี่ยวกับการอุตริ  ทำให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลไม่ทราบประวัติของพระรูปนี้  หลงเชื่อและเลื่อมใสศรัทธาเดินทางจากสถานที่ห่างไกลไปทำบุญและบริจาคเงินที่วัดป่าขันติธรรม และฉวยโอกาสสร้างเหรียญบูชาจำหน่ายอ้างระดมเงินบริจาคสร้างสิ่งปลูกสร้างเพื่อประโยชน์สาธารณะ

 

ซึ่งเงินเหล่านั้นส่วนหนึ่งถูกเอาไปใช้ในการสร้างภาพลักษณ์ให้แก่ตัวเอง โดยการนำไปมอบให้กาชาดโรงเรียนโรงพยาบาล ตลอดจนซื้อรถยนต์ไปมอบให้พระชั้นผู้ใหญ่ หนึ่งในอุบายของการระดมเงินบริจาคโดยอุตริ  อ้างว่านิมิตพบพระอินทร์แล้วให้สร้างพระแก้วมรกตจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อธำรงพุทธศาสนา ซึ่งข้ออ้างดังกล่าว โดนใจพุทธศาสนิกชนที่นิยมการทำบุญทำให้มีการบริจาคเงินและทองคำที่อ้างว่าจะนำมาหล่อองค์พระให้แก่ “เณรคำ” จำนวนมาก

 

ในชั้นสอบสวนไม่พบการขออนุญาตจากกรมศิลปากรเพื่อสร้างพระแก้วมรกตจำลอง การกระทำของ“เณรคำ” จึงมีเจตนาเพื่อระดมเงินบริจาคเท่านั้น สำหรับทองคำที่ได้จากการบริจาค มีการนำไปขายให้ร้านทองและแปรสภาพเป็นเงินก่อนจะนำไปรวมกับเงินที่ได้จากการบริจาคไปซื้อรถยนต์หรูราคาแพงกว่า 70 คัน

วงเงินนับร้อยล้านบาทซึ่งรถหรูนี้ ซื้อมาใช้งานไม่นานก็นำไปขายคืนให้บริษัทนำเข้ารถยนต์ที่ซื้อมาในวงเงินที่ต่ำกว่าขณะซื้อมา พฤติการณ์เช่นนี้ เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และฟอกเงิน     ซึ่งดีเอสไอได้ประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์ในทางแพ่ง พร้อมดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินด้วย

โดยข้อมูลการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ “เณรคำ” พบว่ามีบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆมากถึง41บัญชี แบ่งเป็นธนาคารกรุงศรีอยุธยา 4 บัญชี, ธนาคารกสิกรไทย 2 บัญชี, ธนาคารกรุงเทพ 8 บัญชี, ธนาคารไทยพาณิชย์ 27 บัญชี และ มีทรัพย์สินอื่นอีกจำนวนมาก อาทิ บ้าน2หลัง คือ บ้านเลขที่999/10 บ้านทรายมูลจ.อุบลราชธานี และ บ้านเลขที่ 103/1 อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ รถยนต์หรูราคาแพงอีกหลายสิบคันทั้งรถโรลส์-รอยซ์ ,เชฟโรเลต,โตโยต้าคัมรี, เฟอร์รารีฮัมเมอร์ ,รถกระบะ, รถเบนซ์และรถจักรยานยนต์ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้มีมูลค่ารวมกันกว่า 200 ล้านบาท

 

“บทสรุปแห่ง” กรรมอวดอุตริ อภินิหาร”

วันที่ 9  สิงหคม 2561 ศาลอาญาพิพากษาในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน กรณีหลอกลวงให้ผู้มีจิตศรัทธามาร่วมบริจาคเงินและทองคำสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ แต่ไม่ได้สร้างจริง และนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว ความเสียหายกว่า 28 ล้านบาท มีผู้เสียหาย 29 คน พิพากษาจำคุก 87 ปี ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พิพากษาจำคุก 3 ปี และความผิดฐานฟอกเงิน พิพากษาจำคุก 24 ปี รวมโทษจำคุกรวม 114 ปี  พร้อมให้ชดใช้เงินให้กับผู้เสียหาย แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 วงเล็บ 2 จำคุกได้สูงสุด 20 ปี และศาลแพ่งมีคำสั่งยึดทรัพย์นายวิรพลไปแล้วรวมกว่า 43 ล้านบาท”

กรรมหื่น “หลวงปู่เณรคำ” กับสัมพันธ์ สาว 14

ขณะได้ธุดงค์ไปที่บ้านโพธิ์ และมีความสัมพันธ์กับเด็กสาววัย 14 ปี รายหนึ่ง   ซึ่งคนในละแวกนั้นทราบเรื่องดีและคิดว่าอีกไม่นานพระคงสึกออกมาอยู่กินฉันสามีภรรยากับหญิงสาวรายนี้ นอกจากนี้ยังพบว่า ‘เณรคำ’ มีสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงสาวถึง 8 คน และเคยมีประวัติถูกสีกาแจ้งความดำเนินคดีข้อหาข่มขู่เอาชีวิตต่อพนักงานสอบสวนกองปราบ เมื่อ วันที่ 21 สิงหาคม 2553

พระวิรพล ถูกจับขณะอยู่กับสีกายามวิกาล ในท้องที่ สภ.คำป่าหลาย จ.มุกดาหาร แต่ขณะนั้นคดีไม่มีความคืบหน้า ในชั้นสอบสวนของดีเอสไอ มีการรวบรวมหลักฐาน เป็นตัวอย่างสารพันธุกรรม 4 ชิ้นประกอบ ด้วย ปลายซิการ์ที่อดีตพระเณรคำ ใช้สูบแล้วมอบให้ลูกศิษย์เก็บไว้บูชา เศษจีวร 2 ชิ้นและพระเครื่องรุ่นดอกบัวคู่รุ่นชานหมาก

ผลการตรวจพิสูจน์ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า เศษซิการ์พบคราบน้ำลายตรงเยื่อบุกระพุ้งแก้ม ปรากฏสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอตรงกับเด็กชาย ที่เป็นบุตรของหญิงสาวที่มีเพศสัมพันธ์กับ “เณรคำ” ชี้ให้เห็นว่าบุคคลทั้ง 3 มีความสัมพันธ์เป็นพ่อแม่ลูกกันจริงถึง 99.999 เปอร์เซ็นต์ หลักฐานชิ้นนี้ จึงนำไปสู่การดำเนินคดีกับ “เณรคำ” ในข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า15ปี และคดีพรากผู้เยาว์ และถือเป็นคดีที่ใช้เป็นสาระสำคัญหลักในการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน แม้ว่าคดีพรากผู้เยาว์จะขาดอายุความ แต่คดีความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กหญิง ยังอยู่ในอายุความ

“เณรคำ” ถือเป็นเด็ก ที่มาจากครอบครัวที่ยากจน เป็นบุตรของนายรัตน์ สุขผล นางสุดใจ สุขผล มีพี่น้องรวมกัน 6 คน เขาหยุดเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากนั้นได้บวชเป็นเณรที่วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2537 ซึ่งขณะนั้นอายุได้ 15 ปี กระทั่งอายุ 20 ปี ได้บวชเป็นพระที่วัดดอนทาด ต.ทรายมูลอ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่28 พ.ค.2542 ต่อมาได้ไปสังกัดที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี หลังจากนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่วัดป่าบ้านยางหรือวัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งขณะนั้นไม่ได้มีแววว่าจะเป็นพระดัง รวมถึงไม่มีความรู้เรื่องไสยศาสตร์ใดๆ

บทสรุปแห่งคดีกามฉาว! สดๆร้อนๆบ่ายอ่อนๆ

วันที่ 17 ตุลาคม 2561 ศาลพิพากษาว่า คดีนี้โจทก์มีผู้ปกครองและเด็กผู้เสียหายช่วงเกิดเหตุปี 2543 อายุ 14 ปีเศษ เบิกความสอดคล้องกับบันทึกคำให้การถึงรายละเอียด ช่วงเวลาตั้งแต่จำเลยขับรถยนต์มารับผู้เสียหายที่ 2 ไปอนาจารกอด จูบ และข่มขืนกระทำชำเรา หลายครั้ง หลายหน จนกระทั่งผู้เสียหายย้ายไปจังหวัดอื่น เพราะกลัวผู้อื่นจะรู้เรื่อง โดยยังมีพนักงานสอบสวนร่วมเบิกความด้วย ซึ่งพยานไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองจำเลยมาก่อน จึงเชื่อว่ายากที่จะปั้นแต่งให้เรื่องตัวเองและครอบครัวอับอาย และขณะเกิดเหตุจำเลยใช้ความเป็นพระภิกษุ ที่ประชาชนให้ความเคารพศรัทธา กระทำผิดกับเด็กนักเรียนชั้น ม.2 ทำให้ศาสนามัวหมอง จึงเห็นควรให้ลงโทษสถานหนัก พิพากษาให้จำคุกจำเลยข้อหาพรากผู้เยาว์ 8 ปี ข้อหาชำเราเด็ก 8 ปี รวมจำคุก 16 ปี และให้นับโทษจำเลยในคดีฉ้อโกงประชาชนที่ศาลอาญาพิพากษาแล้วมารวมด้วยอีก 20 ปี จึงรวมโทษจำคุกทั้งสองคดีได้เป็น 36 ปี

ซึ่งถือเป็นการพิพากษาโทษคดีของ”อดีตเณรคำ”ส่วน จำเลยจะอุทธรณ์ ต่อสู้อีกหรือไม่ ถือเป็น สิทธิตามกฎหมาย!!!

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

ร้านรับซ่อมมือถือ คิวยาว โกยรายเป็นกอบเป็นกำ หลังเทศกาลสงกรานต์

เมื่อซองกันน้ำเอาไม่อยู่ ต้องถึงมือ “ร้านซ่อมมือถือ” ซะแล้ว! อาชีพที่รายได้ดี – ลูกค้าต่อคิวยาวหลังจบเทศกาลสงกรานต์

ไม่คิดชีวิต! หนุ่มใหญ่โดดสะพานแม่น้ำแม่กลอง 20 เมตร ลงไปช่วยวัยรุ่น รอดตายหวุดหวิด

เปิดใจ หนุ่มใหญ่วัย 45 ปี ตัดสินใจกระโดดลงจากสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองสูงเกือบ 20 เมตร ช่วยชีวิตวัยรุ่นกำลังจะจมน้ำรอดตายหวุดหวิด

ชาวบ้านเกือบ 30 คน แค้นใจ! ปิดล้อมกุฏิ จับพระลวงเด็ก 13 มาข่มขืน

วงการสงฆ์! พระวัย 50 ปี ลวงเด็ก 13 ปี มาล่วงละเมิดทางเพศถึง 4 ครั้ง พากันบุกวัดปิดล้อมกุฎิ ตำรวจตรวจพบฉี่ม่วง

ระทึก!! ไฟไหม้เรือร้านอาหาร ในแม่น้ำเจ้าพระยา นักท่องเที่ยวหนีตายวุ่น

ระทึก! ไฟไหม้ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา นักท่องเที่ยวกว่า 24 ชีวิตหนีตายวุ่น ล่าสุดควบคุมเพลิงได้แล้ว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

นายกฯ เศรษฐา เข้ารดน้ำไหว้ขอพร “ทักษิณ” ณ บ้านส่องหล้า

นายกฯ เศรษฐา เข้ารดน้ำไหว้ขอพร “ทักษิณ” เนื่องในวันสงกรานต์ พร้อมตอบคำถาม กระแสเขย่าปรับครม.เศรษฐา 2

อุทาหรณ์ผู้ปกครอง! เช็คให้ดีก่อนจะสตาร์ต หรือออกรถ อย่าเผลอลืมลูกไว้ที่ปั้ม

อุทาหรณ์! หนุ่มน้อยนั่งร้องไห้อยู่กลางปั้ม หลังลงจากรถตามพ่อไปเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกที่ไม่เจอรถ สุดท้ายชาวบ้านช่วยติดต่อให้ จนได้เจอพ่อแม่
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า