คุม 2 ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพเผานั่งยางชายอิตาลีทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนนำตัวฝากขัง ขณะที่สื่อเผยลูกชายจูเซปเป้ เครียดจัดชกกระจกรถตำรวจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนางสาวรุธจิรา เอี่ยมละม้าย อายุ 37 ปี และ นายอาโมรี ริกัว ชาวฝรั่งเศส อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาฆาตกรรมหั่นศพเผานั่งยาง นายจูเซปเป้ เดอ สเตฟานี หนุ่มใหญ่ชาวอิตาลี อายุ 61 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามจุดต่างๆ
จุดแรกบริเวณข้างอ่างเก็บน้ำบ้านบึงทับจั่น หมู่ที่ 3 ตำบลแหลมรัง อำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร เป็นจุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ช่วยกันนำศพของนายจูเซปเป้มาทำการเผานั่งยางพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้า เพื่อหวังอำพรางคดี
จากนั้นได้คุมตัวไปทำแผนต่อในจุดที่ 2 บริเวณปั้มหยอดเหรียญ หมู่ที่ 6 ตำบลแหลมรัง ห่างจากที่เกิดเหตุเผานั่งยาง ประมาณ 2 กม. ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาซื้อน้ำมันไปเผาอำพรางศพ
จุดต่อมาคือบริเวณถนนริมลำคลอง ในหมู่ที่ 7 ตำบลแหลมรัง ซึ่งเป็นจุดที่ทั้งสามคนไปเจรจาเคลียร์ปัญหาความรัก โดยทั้งหมด 3 คน นั่งรถไปด้วยกัน กัน จากนั้นนายอาโมรี กับ นายจูเซปเป้ ได้ลงจากรถเพื่อไปพูดคุยกัน ก่อนที่จะมีการโต้เถียงกัน ซึ่งนายอาโมรี ได้ชกต่อยนายจูเซปเป้ จนล้มลง จากนั้นนายอาโมรี ได้นำมีดออกมาจากท้ายรถ แล้ว ใช้สันมีดฟันไปที่ศีรษะ 1 ครั้ง ก่อนถูก นายจูเซปเป้ ด่าอีกครั้ง จนทำให้เกิดความโมโห ก่อนใช้มีดฟันบริเวณลำคอ จนเสียชีวิต ก่อนนำศพใส่ท้ายรถไปเผาอำพราง
จุดที่ 4 คือ ที่บ้านเลขที่ 134 ซึ่งเป็นบ้านพักของนางสาวรุธจิรา ซึ่งจุดนี้นายอาโมรี ได้นำรถยนต์เก๋งที่ใช้ก่อเหตุนำไปล้างคราบเลือด และนำเอกสารต่างๆ รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ของนายอาโมรีไปซุกซ่อนบริเวณฝ้าเพดาน ก่อนหลบหนี และจุดที่ 5 คือ ที่บ้านเช่าของนายอาโมรี ที่ตำบลทุ่งใหญ่ ซึ่งนางรุธจิรา ไปรับนายอาโมรี
โดยการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในครั้งนี้มีประชาชนสนใจมาดูการทำแผนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องจัดชุดตำรวจคุ้มกันกว่า 50 นาย ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการทำแผน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายอาโมรีไปขออำนาจศาลจังหวัดพิจิตรฝากขังทันที ส่วนนางสาวรุธจิรา นำมาควบคุมตัวที่ สภ.บึงนาราง อีกหนึ่งวันและจะนำตัวฝากขังในวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มอีกว่า นายลูก้า เดอ สเตฟานี อายุ 33 ปี ลูกชายของนายจูเซปเป้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เดินทางมาดูศพและติดตามการดำเนินคดี โดยได้พักอาศัยที่บ้านพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงนาราง ซึ่งนายลูก้ามักจะรู้สึกหงุดหงิด และมีอารมณ์เกรี้ยวกราด โดยหาว่าตำรวจทำงานล่าช้า นอกจากนี้ยังพูดจาหยาบคายใส่ผู้สื่อข่าว
โดยเมื่อ 2 วันที่แล้ว นายลูก้าได้ยืมรถตำรวจ สภ.บึงนาราง ไปที่ร้านสะดวกซื้อ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจแอบตามไป ซึ่งเมื่อนายลูก้าเห็น ได้ทุบกระจกรถส่วนตัวของตำรวจที่ยืมไปซื้อของ จนกระจกรถแตก ซึ่งนายลูก้า ได้ชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ติดใจเอาความ เพราะเห็นว่านายลูก้า อยู่ในอาการเศร้าที่พ่อถูกฆ่าเสียชีวิต