กองปราบ ร่วม DSI วางแผนร่วมกันจับกุมหนุ่มอเมริกัน จัดเซ็กส์ทัวร์ในประเทศเมียนมา โดยการโฆษณาในเว็บไซด์และเฟซบุ๊ค
พลตำรวจตรีไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกันจับกุมนายเคนเนท วิกโก้ อัลเบอทเซน อายุ 66 ปี สัญชาติ อเมริกา / นางสาวลวิน ลวิน เมว อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมา /นางสาว มา เพ ซอน ทูน อายุ 25 ปี และเยาวชนหญิง อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา
พร้อมของกลาง ธนบัตร ฉบับละ 500 บาท จำนวน 6 ฉบับ ธนบัตร ฉบับละ 1000 บาท จำนวน 8 ฉบับ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง และรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว หมายเลขทะเบียน กม-5109 เชียงราย จำนวน 1 คัน โดยคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากกองบังคับการปราบปราบได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว ว่ามีชาวต่างชาติลงโฆษณา จัดเซ็กซ์ทัวร์ในประเทศเมียนมา ในเว็บไซต์ Cracklist และ Facebook ชื่อว่า Burnese Border Chicks For Hire โดยโฆษณาว่า สามารถจัดทัวร์พานักท่องเที่ยวไปทัวร์เซ็กซ์เด็กในประเทศเมียนมาได้ โดยให้เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย แล้วจะพาเข้าไปเที่ยวมีเซ็กซ์กับเด็กในประเทศเมียนมา โดยคิดค่าหัวนักท่องเที่ยวคนล่ะ 6,500 จึงได้ทำการวางแผนล่อซื้อจับกุม โดยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสายติดต่อทำการล่อซื้อจับกุมกับ นายเคนเนท
จากนั้น ผู้ต้องหาได้นัดหมายให้สายลับมาพบที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงราย ทางกองบังคับการปราบปราม ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สะกดรอยติดตาม พบนายเคนฯ ผู้ต้องหาขับรถยนต์พาสายลับมาถึงบริเวณด่านชายแดนแม่สาย จังหวัดเชียงราย แล้วโทรศัพท์ติดต่อ นางสาวลวิน ซึ่งเป็นมาม่าซัง ให้นำเด็กมาส่งให้ที่บริเวณหน้าโรงแรมขันทอง
ต่อมานางสาวลวิน ได้นำเด็กสาวชาวเมียนมา จำนวน 2 คน มามอบให้สายลับเพื่อค้าประเวณี เมื่อสายลับได้พาเด็กสาวเข้าห้องพักที่โรงแรม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าจับกุม โดยจับกุมตัว นายเคนกับ น.ส.ลวิน ได้ที่บริเวณหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่า “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา เพื่อการค้าประเวณีโดยผิดกฎหมาย” และเข้าจับกุมตัว นางสาว มา เพ และ เยาวชนหญิง อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ในขณะเตรียมขายบริการ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันค้าประเวณีโดยผิดกฎหมาย”
ทั้งนี้จะได้ทำการสืบสวนขยายผลเครือข่ายผู้ร่วมกระทำความผิด และประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศเมียนมา เพื่อเข้าจับกุมเครือข่ายของนางลวิน ในประเทศเมียนมา รวมทั้งประสานตำรวจตรวจค้นเข้าเมืองทำการเพิกถอนวีซ่าของนายเคนฯ เพื่อผลักดันออกนอกประเทศต่อไป