รับนักเรียนปี 2562 ห้ามมี “แป๊ะเจี๊ยะ” สพฐ.ออกหนังสือแจ้งผู้อำนวยการโรงเรียนทั่วประเทศ ติดตามการรับเด็กให้เรียบร้อย “งดระดมทรัพยากรช่วงรับนักเรียนเด็ดขาด” ประสาน ป.ป.ช. จับตาสกัดแป๊ะเจี๊ยะ
ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ได้ลงนามในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เรื่อง การระดมทรัพยากรในช่วงรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เนื่องจาก สพฐ. ได้ประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2562 และแจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และโรงเรียนวางแผนเตรียมการรับนักเรียนไปแล้วนั้น แต่การรับนักเรียน ปีการศึกษา 2561 ที่ผ่านมา มีการร้องเรียนการเรียกรับเงิน “แป๊ะเจี๊ยะ” เพื่อแลกกับการเข้าเรียนของนักเรียน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้กำหนดมาตรการเชิงรุก โดยให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ติดตามตรวจสอบการรับนักเรียนของโรงเรียนสังกัด สพฐ. เพื่อให้การรับนักเรียนเป็นไปอย่างเรียบร้อย
“การรับนักเรียนปีการศึกษา 2562 สพฐ. ให้ยึดแนวทางเดิมทุกประการ โดยกำชับ สพท. ให้กำกับโรงเรียน ห้ามเรียกรับเงิน หรือ ระดมทรัพยากรในช่วงการรับนักเรียน และให้ผู้อำนวยการโรงเรียนอยู่ปฏิบัติงาน และแก้ปัญหาในการรับนักเรียนด้วย” ดร.บุญรักษ์
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า ขณะนี้เริ่มมีเสียงสะท้อนเป็นห่วงเรื่องแป๊ะเจี๊ยะ อยากให้สังคมรู้ว่า สพฐ. ไม่ได้นิ่งเฉยและเฝ้าดูแล กำกับ ตักเตือนอย่างเข้มข้น รวมถึงมีหนังสือแจ้งถึง ผอ.สพท. ทั่วประเทศ และ ผอ.โรงเรียนให้ปฏิบัติตาม ส่วนมาตรการต่าง ๆ ยังคงดำเนินการตามเดิม ซึ่ง สพฐ. จะร่วมมือกับ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบติดตาม ดูแลให้เกิดความเรียบร้อย โปร่งใสโดยเฉพาะเรื่องปัญหาการรับแป๊ะเจี๊ยะจะต้องไม่มี
ทั้งนี้ การรับนักเรียน ปีการศึกษา 2561 สพฐ. กำหนดมาตรการป้องกันการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. โดยอ้างถึงมาตรการป้องกันการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทน เพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา “แป๊ะเจี๊ยะ” ของ ป.ป.ช. โดยมีมาตรการ ดังนี้ 1. ให้เขตพื้นที่การศึกษาฯ ลงพื้นที่สุ่มตรวจการรับนักเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง และเร่งรัดประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ ความเข้าใจให้ผู้ปกครองนักเรียน ประชาชนรวมทั้งข้าราชการในสังกัดรับทราบถึงความผิดและบทลงโทษ กรณีการเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของเงินบริจาค ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่อาจถือได้ว่าเป็นเงินบริจาคแต่ถือเป็นเงิน “สินบน” ในฐานะผู้รับสินบนและให้สินบน ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมาย ป.ป.ช. 2. กรณีมีผู้บริจาคทรัพย์สินให้สถานศึกษาถือปฏิบัติตามระเบียบ ศธ. ว่าด้วยการรับเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้สถานศึกษา พ.ศ. 2552 อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันปัญหาการเรียกรับแป๊ะเจี๊ยะ และ 3. ให้ประธานกรรมการบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำเขตตรวจราชการสนับสนุน ส่งเสริมประสานความร่วมมือ ควบคุม กำกับติดตาม ประเมินผลเขตพื้นที่ฯ และสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด