รายงานพิเศษ : เกมต่อรอง “จำนำข้าว” สาวไส้เบื้องหลัง “บุญทรง” ส่งไพ่ตายล้างบาง “ทักษิณ”
“ถามว่าทำไมต้องหลบหนี เมื่อยังไม่ดำเนินการอะไรทั้งสิ้นก็ไม่ต้องไปกลัว ถ้าคิดว่าตัวเองทำถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายก็ขอให้สู้คดีไป ทุกอย่างก็จบ”
วรรคสำคัญจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ถึงกระแสข่าว “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เดินทางไปนอกประเทศตั้งแต่เดือนพ.ย. ก่อนที่ซุ่มเสียงจาก “พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ” ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะออกมาประกาศ “ติดเครื่อง” พิจารณาคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจีล็อต 2 กลายเป็นประเด็นใหญ่ในหน้าการเมือง เมื่อเชื่อกันว่า “เจ้าแม่วังบัวบาน” จะเป็นหนึ่งในบุคคลถูกกล่าวหาเพิ่มเติม ได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว
เมื่อ ป.ป.ช.ทุบโต๊ะเสียงดังพร้อมเดินหน้าสอบสวนคดีครั้งนี้ หากมองย้อนลงลึกในคดีจำนำข้าวปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวละครในโครงการทั้งหมดที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหลายสิบคนต้องรับโทษทางอาญานั้น โดยเฉพาะ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” ถูกจำคุกถึง 42 ปี เป็นตัวละครสำคัญ ในฐานะ “รมว.พาณิชย์” จากวลี “กูพูดไม่ได้” ถึง “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” ให้ยอมกลับใจแลกความลับ “ต่อรอง” ทางการเมืองหรือไม่ เพื่อเปิดทางให้ ป.ป.ช.ปลดล๊อคคดี ต่อยอดขยายผลสาวไส้ผู้ “อยู่เบื้องหลัง” โครงการรับจำนำข้าวตัวจริง ?!
ยิ่งท่าที “เดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์” บุตรชาย “บุญทรง” ที่สลัดน้ำตาทิ้งพรรคเพื่อไทยไปช่วยพ่อนั้น ยิ่งตอกย้ำถึงกลยุทธ์ “เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร” เพราะการเข้าร่วมพลังประชารัฐครั้งนี้ ได้ “กินหมาก” ทางการเมืองหลายต่อ เมื่อจังหวะที่ “เดชนัฐวิทย์” ถูกมองเป็น “คนอื่น” ของเพื่อไทย เมื่อมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นภายในพรรค จากทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาให้ข่าวโจมตี “บุญทรง” หลายเรื่อง จนทำให้ “เดชนัฐวิทย์” เริ่มรู้สึกว่าผู้ใหญ่บางคนในเพื่อไทยไม่เชื่อใจกัน จึงเป็นที่มาการตัดสินใจสลับขั้วต่างพรรค จนถูก “วัฒนา เมืองสุข” ไล่สาปส่งมาแล้ว
จากนั้นไม่นานการหายตัวไปของ “เยาวภา” เริ่มดังหนาหูขึ้น ทำให้ “วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล” สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ในฐานะคนสนิท “เยาวภา” คนสำคัญ ต้องออกมายืนยันไม่ได้พบเยาวภามาแล้วประมาณ 2-3 เดือน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า “เยาวภา” เดินทางไปอยู่กับ “ทักษิณ” ที่ดูไบหรืออังกฤษ จากช่องทางพิเศษของไทยที่เข้า-ออกได้ตลอดเวลา เพราะอย่าลืมว่า “เชอร์รี่” ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาว ได้แต่งงานกับ “นัม ลีนาล” ลูกชายนักการเมืองคนดังของกัมพูชา ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ก่อนหน้านี้ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ได้ระเห็จระเหินออกนอกประเทศ จนเมื่อถึงคราวกระแสกดดัน “เยาวภา” ซึ่งอาจตัดสินใจตาม “พี่ชาย-น้องสาว” เป็นรายต่อไปได้เช่นกัน แต่กระบวนการสอบสวนของ ป.ป.ช.ยังต้องใช้เวลาสอบสวนอีกมาก จนกว่าจะออกมติ “ชี้มูล” ผู้ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดหรือไม่ หากมีการชี้มูลความผิดจริงถึงจะส่ง “สำนวน” ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อรอคำตัดสินในที่สุด
แต่ระหว่างนี้จึงเห็นเกม “ตั้งหลัก-หยั่งเชิง-สร้างที่มั่น” เพื่อ “รอ” จังหวะเลือกตั้งจะส่งให้พรรคเพื่อไทยและพรรคเครื่อข่าย กลับมาครองอำนาจในรัฐบาลอีกครั้งหรือไม่ เพราะหากเพื่อไทยสามารถ ฝ่าคสช.ได้เป็นรัฐบาลสำเร็จ หมายความว่า สถานการณ์ “เป็นรอง” ทั้งหมดจะถูกเปลี่ยน “เป็นต่อ” ทันที
ยังไม่รวมคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้ ธ.กรุงไทย-กฤษดามหานคร ของ “พานทองแท้ ชินวัตร” ซึ่งขณะนี้อัยการสั่งฟ้องไปแล้ว โดยความผิดฐานฟอกเงินมีโทษจำคุก 1-10 ปี ซึ่งมีอายุความไม่เกิน 15 ปี เป็นอีกหนึ่งแรงเสียดทานจากฝั่งอำนาจเดิม จะเป็นแรงบีบทางการเมืองให้ “สามพี่น้อง” มากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงนาทีนี้ยังเป็นแค่ยกแรกๆ ในภาคต่อคดีรับจำนำข้าว แต่เป็นการเร่งเดินเกมไล่บี้ “ผู้ชักใย” เบื้องหลัง “บุญทรง” มาเพิ่มกำลังต่อรองหน้าไพ่ในมือคสช. ไปสู่การย่อยสลาย “ชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์-ดามาพงศ์” เพื่อทุบ “ทักษิณ” ให้จมในที่สุด !!!
