เปิดเอกสาร ลงนามแต่งตั้ง ‘วิษณุ เครืองาม’ นั่งที่ปรึกษานายกฯ ด้านกฎหมาย ด้านเจ้าตัวเผย! นายกฯไปหาถึงบ้าน ถึงแม้ว่าจะปฏิเสธไปแล้ว
วันที่ 30 พ.ค. 2567 คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๐๕ ก๒๕๖๗ เรื่อง การแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อให้คำปรึกษา เสนอความเห็น และประสานความร่วมมือกับหน่วยราชการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๖) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จึงสมควรแต่งตั้ง นายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายและ ระเบียบปฏิบัติราชการ เพื่อให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้ด้วย
๑. ตรวจสอบและกลั่นกรองร่างกฎหมายและร่างนุบัญญัติที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายหรือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีร้องขอ
๒. ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นทางกฎหมายแก่นายกรัฐมนตรีตามที่มอบหมาย
๓. เชิญเจ้าหน้าที่ส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหรือให้ข้อมูลรายละเอียดหรือจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานได้ตามที่เห็นสมควร
๔. ให้ข่าวสารในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนได้ตามความจำเป็นตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
๕. แต่งตั้งคณะทำงานหรืออนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สนับสนุนการดำเนินการของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ และคณะทำงาน หรืออนุกรรมการ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนดโดยให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน วันนี้(30 พ.ค.) นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังนายกรัฐมนตรีเตรียมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ว่า ตนไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่าที่นายกรัฐมนตรีพูดไปก่อนหน้านี้ แต่จะเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาพบตนเมื่อ 25 พ.ค.2567 บอกให้ช่วยเป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่ตนแจง 3 เหตุผล ปฏิเสธนายกรัฐมนตรีไปคือ
1. เรื่องสุขภาพ ที่เป็นทั้งโรคไต และโรคตา
2.ในช่วงเวลา 10 เดือนที่พ้นจากตำแหน่งได้รับงานอื่นไว้จำนวนมาก หากต้องลาออก งานก็จะเสียงาน
3.มีปัญหาที่บ้านต้องจัดการหลายอย่าง
ดังนั้น นายกรัฐมนตรี จึงเสนอให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ตนจึงตอบว่า ไม่อยากจะวุ่นวาย กับการยื่นบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน จึงถูกชวนอีกว่า ให้มาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โดยที่ไม่ต้องเป็นข้าราชการการเมือง ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ไม่มีห้องและรถประจำตำแหน่ง มีแค่เบี้ยประชุม เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้รัฐบาล และตนก็บอกไปอีกว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีกฤษฎีกา และรัฐมนตรีหลายคน ก็เป็นนักกฎหมาย เช่น นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
แต่ นายกรัฐมนตรี ตอบกลับว่า ในบางเรื่องอยากจะได้ผู้ที่เป็นกลาง เพราะหากนายพีระพันธ์ พูดอะไร ก็มีหัวโขนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานด้วย และหากทะเลาะข้ามกระทรวงแล้วใครจะฟัง ตนจึงบอกว่า แล้วแต่ท่านนายกรัฐมนตรีไปจัดการ แต่หากหาผู้ที่มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีได้แล้ว ตนขอ กลับไปทำงาน
เมื่อถามย้ำว่า การกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง เป็นเพราะนายกรัฐมนตรี ถูก 40 สว.ยื่นร้องใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี จะมาปรึกษาเรื่องนี้ แต่ตนไม่ใช่เจ้าของเรื่อง นายพิชิต ชื่นบาน ต้องเป็นผู้ดำเนินการ รวมทั้งกฤษฎีกา ทีมกฎหมาย และอัยการ ที่ต้องเข้ามาดูเรื่องนี้ และอาจจะให้ตนเข้าไปช่วยดูได้
เมื่อถามต่อว่า คดีนี้จะเป็นอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่เห็นสำนวน และคำร้อง แต่ก็เข้าใจว่านายกรัฐมนตรี อยากให้ตนเข้าไปช่วยดู ซึ่งเมื่อครั้งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกร้อง 5 คดี ตนก็เข้าไปช่วยดู แต่ไม่ได้เข้าไปดูในฐานะหัวหน้าทีม ส่วนคดีนี้ตนยังไม่สามารถตอบได้ ว่า คดีนี้จะเป็นอย่างไร เนื่องจากยังไม่เห็นคำร้อง แต่หากจะ จะตอบแบบมีความหวัง ก็คิดว่า พอมีหนทางในการสู้คดี แต่สู้แล้วชนะหรือไม่ ไม่รู้
เมื่อถามว่ามีการ ขุดกันในโซเชียล ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน เคยรีทวิต พร้อมข้อความที่ระบุว่า “ไม่มียางอาย” จากการให้ความเห็นที่เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล นายวิษณุ ย้อนถามคำถามว่า “ใครไม่มียางอาย ผมไม่รู้ และไม่ติดใจ อย่างที่นายกทักษิณ เคยโพสต์ข้อความว่าตน และตอนนั้นตนก็แลกกันไปคนละหมัดแล้ว”

เหตุผลที่ใจอ่อน
เมื่อถามว่า เหตุผลที่ใจอ่อน เพราะขณะนี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการตระบัดสัตย์ ว่า ก่อนหน้านี้จะไม่รับตำแหน่ง และกลับไปเลี้ยงหลาน นายวิษณุ กล่าวชี้แจงว่า ตนก็ปฏิเสธ ไม่รับตำแหน่งถ้าตระบัดสัตย์ ก็รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ผมอุตส่าห์เขียนหนังสือเรื่องชีวิตที่เหมือนทรายกับทะเล วันหนึ่งทะเลก็คือการเมือง ก็ขึ้นมาซัดทรายอยู่เรื่อยๆ ที่หมอดูเคยทายเอาไว้ ซึ่งวันนี้ก็มาถึง ว่าให้เป็นรองนายกฯตนไม่เป็น และย้ำว่าถ้าใครมาชวนตนก็เปิดสะดือให้ดู และก็เปิดจริงๆ เมื่อเขาชวนเป็นรองนายกฯ แต่พอชวนเป็นที่ปรึกษา ซึ่งสถานที่ธรรมดาอาทิตย์หนึ่งทำงานที่บ้าน 6 วัน ใครมีเรื่องอะไรก็เอาแฟ้มมาให้ตนดูที่บ้าน ไม่ได้ลำบากลำบนอะไร ทุกวันนี้สอนหนังสือเนติบัณฑิตเหนื่อยกว่าอีก
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของโซเชียลมีเดีย ไม่ได้ลำบากใจ เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ใครจะว่าอย่างไรก็ว่ากันได้ ข้อสำคัญคือ“สุทธิ อสุทธิปัจจัตตัง” บริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ใจ ย่อมรู้แก่ตัวเอง
เมื่อถามว่า มีการมองกันว่าการมาของนายวิษณุ เพื่อปูทางการกลับมาของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมาช่วยดูคดีของนายทักษิณ ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่จริง เพราะการที่จะนำคุณยิ่งลักษณ์กลับมา ไม่ได้ยากเลย ซื้อตั๋วส่งไปให้แก แกก็มาได้แล้ว สิงคโปร์-กรุงเทพฯลอนดอน-กรุงเทพฯ หรือดูไบ-กรุงเทพฯ ส่งไปแกก็มาแล้ว ปัญหาคือมาแล้วถูกจำคุก 5 ปี เป็นการจำคุกที่ศาลได้ตัดสินแล้ว ตนจะไปช่วยอะไรตรงนี้ได้ ส่วนนายทักษิณ เองก็ไม่มีใครจะไปช่วยอะไรได้ เพราะแกได้รับพระราชทานอภัยโทษ แล้วตนจะไปช่วย พระราชทานอภัยโทษอะไรได้อย่างไร เขาก็ต้องทำของเขาเองทั้งหมด
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีดีลในการเชิญ มารับตำแหน่งในครั้งนี้ จากกลุ่มขั้วอำนาจเดิม นายวิษณุ กล่าวยืนยันว่าไม่มีดีล ไม่เกี่ยวเลย พร้อมกับระบุว่า ช่วงนี้ไม่ได้มีการติดต่อกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ ท่านไม่ได้ติดต่ออะไรกับใครเพราะท่านไม่ยุ่งการเมืองอยู่แล้ว พลเอกประวิตร ก็ไม่รู้ แต่ได้ยินว่าท่านป่วย
เมื่อถามว่า ที่มีคนไปโยงว่าเกี่ยวข้องกับบิ๊ก ฉ. อดีตปลัดกระทรวง นายวิษณุ ย้อนถามว่า ปลัดฉิ่ง รู้จักแต่ไม่ได้มาดีลกับตน สื่อมวลชนจึงย้อนถามว่าแล้วใครดีล นายวิษณุ กล่าวว่า คนดีลคือนายกรัฐมนตรี นายกฯเศรษฐา โทรศัพท์มาจากเมืองนอก จากอิตาลี หรือฝรั่งเศส ตนไม่แน่ใจ แต่ใครไปแนะนำท่านผมไม่รู้ ส่วนนายกรัฐมนตรี โทรหาก่อนหรือหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องของ 40 สว. นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่รู้ไม่ได้นับแต่รู้สึกว่า จะโทรมาจากอิตาลี