แม่ร่ำไห้ ลูกสาววัย15 ปี เขียนจดหมายทิ้งไว้ดูต่างหน้า ก่อนปีนหน้าต่างหนีออกจากบ้านที่ชุมพร หนีนั่งรถไฟไปหาเพื่อนชายที่รู้จักกันทางเฟส ที่กรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางสาวสุภาพร ยังกิว อายุ 36 ปี ชาว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ตนเองกลับ มาจากที่ทำงาน ก็เดินเข้าไปที่ห้องนอน น.ส.พิมพ์ชนก หรือน้องปาล์มลูกสาว อายุ 15 ปี กำลังศึกษาอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอท่าแซะ ระดับมัธยมปีที่ 3 ครั้งแรกไม่พบลูกสาวก็นึกว่าคงไปเที่ยวบ้านเพื่อน เนื่องจากเป็นช่วงระหว่างปิดเทอม แต่เริ่มเอะใจเพราะลูกสาวไม่เคยไปไหนไกลและนาน ซ้ำโทรไปก็ไม่รับ จึงเข้าไปดูในห้องนอนก็ครั้งก็พบจดหมายลูกเขียนไว้ว่า “น้องต้องขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ … น้องรักแม่ น้องทำให้แม่เหนื่อย ทำให้เสียใจ ทำให้แม่ร้องไห้…..น้องจะไปหางานทำ เก็บเงินหาเลี้ยงตัวเอง …น้องจะพยายามติดต่อมาหาแม่เอง ไม่ต้องเป็นห่วง แม่ไม่ต้องตามหา และแม่ไม่ต้องแจ้งความนะ…..และยังระบุว่าได้เอาเงินไปเพียง 2.000 บาท ก่อนลงท้าย น้องรักแม่”
นางสาวสุภาพร กล่าวว่า ก่อนหน้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราอยู่กัน 4 คน คือ ตา ยาย ตนเอง และลูกสาว แต่ก็มีบ้างที่ตากับยายจะบ่นลูกสาว ตามประสาคนแก่ที่ต้องการให้ลูกหลานได้ดิบได้ดี แต่ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้ ลูกสาวจะเอามาใช้เป็นเหตุผลในการหนีออกจากบ้าน เพราะที่รู้จาก เพื่อนลูกสาวว่าน้องปาล์มลูกสาว ได้รู้จักผู้ชายวัยเดียวกันกับลูก ชื่อโบ๊ท ทางเฟสบุ๊ค ตนหวั่นจะถูกหลอกได้พยายามโทรศัพท์หาลูก ในช่วงแรกก็โทรติดแต่ลูกไม่รับ ต้องให้หลานสาวโทรไป น้องปาล์มลูกสาว จึงจะรับและบอกว่าไม่ต้องห่วง ตอนนี้ถึงกรุงเทพแล้ว และกำลังนั่งรถไปหาคนชื่อโบ๊ท อยู่ แล้วก้ปิดเครื่องไป นางสาวสุภาพร ได้ปล่อยร้องโฮลั่น พร้อมบอกให้น้องปาล์ม ลูกสาว กลับมาบ้าน ทุกคนให้อภัยและทุกคนรักน้องปาล์มมาก
ด้าน นางสาวศิรินทร หรือ น้องตั๊ก อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นหลานสาวของนางสาวสุภาพร เปิดเผยว่า ตนเองยอมรับว่าเป็นคนไปส่งน้องปาล์ม ที่สถานีรถไฟเอง และรู้ด้วยว่า น้องปาล์ม จะหนีออกจากบ้าน โดยเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ประมาณสองทุ่มน้องปาล์มได้โทรศัพท์มาหาและวานให้ช่วยไปส่งที่สถานี บขส.ท่าแซะ แต่กว่าน้องปาล์ม จะหนีออกมาได้จากบ้านก็กินเวลาไปกว่า 4 ทุ่มแล้วรถโดยสารคงไม่มีแล้ว จึงได้ไปเปิดห้องพักแห่งหนึ่งเพื่อรอเดินทางไปในวันรุ่งขึ้น
น้องตั๊ก กล่าวว่า เมื่อเช้าวันใหม่ ตนได้พาน้องปาล์ม เอาแหวนทองไปจำนำที่ร้านทองในเขตเมืองชุมพร แล้วไปซื้อตั๋วรถไฟ ซึ่งกำหนดเวลารถออกประมาณเที่ยง(12.16น.)และรถขบวนดังกล่าวจะถึงปลายทางที่สถานีรถไฟบางซื่อสองทุ่มเศษ (20.20น.)น้องปาล์มและตนจะติดต่อรายงานว่าถึงไหนแล้ว ตลอดการเดินทาง และน้องปาล์มยังบอกอีกว่า ไปครั้งนี้ต้องการไปหางานทำและจะขออาศัยอยู่กับเพื่อนไปก่อน
น้องตั๊ก กล่าวต่อว่า จนวันที่ 14 ต.ค.หลังจากที่น้องปาล์มเดินทางไปถึงกรุงเทพแล้ว น้องปาล์มบอกว่ากำลังจะเดินทางต่อเพื่อไปหา โบ๊ท คนที่คุยกันทางเฟส ที่ปทุมธานี หลังจากนั้นก็ติดต่อไมาได้เลยจนขณะนี้
