ตร.ภูเก็ต สามารถจับคนร้ายปล้นและใช้อาวุธปืนยิงนักธุรกิจหญิงชาวรัสเชียได้แล้ว พร้อมระบุว่า คนร้ายเป็นอาชญากรข้ามชาติชาวไนจีเรีย ที่ก่อคดีปล้นทรัพย์ตามเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ของไทยอย่างโชกโซน ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว หลังตรวจค้น พบของกลางมากถึง 92 รายการ แม้ผู้ต้องหาจะให้การภาคเสธก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจว่ามีหลักฐานแน่นหนา และมีเจ้าทุกข์มายืนยันทรัพย์สินแล้วถึง 4 ราย
จากกรณีเมื่อ วันที่ 30 ส.ค.60 ที่ผ่านมา ตร. สภ.ฉลอง ได้เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน บุกปล้นทรัพย์ น.ส.เอเลนา คาเรนโก (Miss Elena Kharenko) อายุ 51 ปี ที่วิลล่าหรูเลขที่ 1/50 ซอยหัวพรุ หมู่1 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และใช้อาวุธปืนขนาด .380 ยิง น.ส.เอเลนา (Miss Elena) จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ยังนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล จากนั้นได้ขโมยตู้เชฟ โน๊ตบุ๊ก และทรัพย์อื่นของผู้เสียหายหลบหนีไป ซึ่งหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.ภูเก็ต ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วย เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ที่คนร้ายกล้าใช้อาวุธปืนยิงเหยื่อที่อย่างโหดร้ายป่าเถื่อน จนทราบที่พักของคนร้ายและจับกุมได้เมื่อคืนที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (1 ก.ย.) พล.ต.ต.ธีระพล ทิตย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำตัว นายชิคเค่ เจเมอร์ ฮุควุนเว (Mr.Chijcke Jamer Hukwunwe) อายุ 27 ปี ชาวไนจีเรีย พร้อม น.ส.ศศิภา นครไธสง อายุ 33 ปี ชาวจ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาในคดีปล้นทรัพย์ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ มาอย่างโชกโซน ถือเป็นคนร้ายข้ามชาติที่หลบหนีเข้าเมืองมาก่ออาชญากรรมกับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจทั้่งชาวไทย และต่างชาติ ตั้งแต่ปี 2559 โดยจะก่อเหตุในเมืองท่องเที่ยวหนึ่ง และเมื่อได้ทรัพย์สินจำนวนมากก็จะย้ายไปเมืองอื่น โดยส่วนใหญ่จะเน้นเข้าไปโจรกรรมตู้เชฟเป็นหลัก
ทั้งนี้ของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดได้จากบ้านเช่าชั้นเดียว เลขที่ 68/42 ซ.ขมิ้นทอง ม.7 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ของคนร้าย ส่วนใหญ่เป็นทองรูปพรรณต่างๆ เช่น สร้อยคอทองคำ ต่างหู จี้ทองคำ นาฬิกาแบรนด์เนม กระเป๋าแบรนด์เนม เงินสด พระเครื่อง และโน๊ตบุ๊ค รวมทั้งสิ้น 92 รายการ โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คนจะยังให้การปฎิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานต่างๆ ทั้งภาพกล้องวงปิด รถที่ใช้กก่อเหตุ อาวุธปืนที่ใช้ยิงนักธุรกิจชาวรัสเซีย ที่ไปขโมยมาจากบ้านเหยื่อต่างชาติรายอื่น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ธีระพล ทิตย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นใน จ.ภูเก็ต และประเทศไทยมากนัก แต่คราวนี้คนร้ายลงมือยิงและปล้นนักธุรกิจชาวต่างประเทศ ที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยมานานถึง 4-5 ปีมาแล้ว ทางผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น จึงเร่งรัดให้จับกุมคนร้ายรายนี้มาให้ได้ จนต้องมีการสนธิกำลังจากหลายหน่วย จนสามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้ง 2 คน ซึ่งคนร้ายไม่ได้ทำเพียงบ้านหลังนี้หลังเดียว แต่มีผู้เสียหาย ทั้งชาวไทยและต่างชาติมายืนยันทรัพย์ที่ยึดมาได้ถึง 4 ราย เชื่อว่าคนร้ายรายนี้เป็นคนร้ายข้ามชาติมาก่อเหตุโดยตรง และทำเป็นอาชีพ ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป เพราะมั่นใจว่าไม่ได้กระทำเพียง 2 คนอย่างแน่นอน
ด้าน พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ถึงแม้คนร้ายจะให้การภาคเสธ แต่ทรัพย์สินมีค่าที่ยึดมาได้จำนวนมาก ถือว่าคนร้ายรายนี้ไม่ได้ทำงานหรือประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ส่วนภรรยาก็เป็นแม่บ้าน แต่กลับมีทรัพย์สินมีค่ามากมาย ซึ่งคนร้ายรายนี้เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปีที่แล้ว จากนั้นก็ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศอีกเลย ทั้งไม่เคยไปต่อวีซ่า ถือเป็นคนเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายชัดเจนอีกด้วย อีกทั้งทรัพย์สินที่โจรกรรมมาได้ก็เป็นหลักฐานชัดเจนที่สามารถมัดตัวคนร้ายได้ โดยเฉพาะสร้อยที่คนร้ายใส่เป็นประจำก็มีเจ้าทรัพย์มายืนยันแล้วว่าเป็นของที่ถูกปล้นมา
ขณะที่ นายอรุณ โสฬส นายกเทศบาลตำบลราไวย์ กล่าวว่า การจับกุมคนร้ายที่ก่อคดีนี้ได้อย่างรวดเร็ว ถือว่าสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวชาติที่อยู่ในจ.ภูเก็ต ได้มากขึ้น เพราะทุกคนคิดว่าคนร้ายในคดีนี้น่าจะเป็นคนไทย เมื่อผลก็จับกุมออกมาเป็นชาวต่างชาติ และตำรวจทำงานได้อย่างรวดเร็ว ภาพลักษณ์ของจังหวัดในฐานะเมืองท่องเที่ยวก็ดีขึ้น ทุกคนมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัย