เมื่อช่วงสายวันนี้ เกิดเหตุคนร้ายซิ่งรถปิ๊กอัพชนแหลก แหกด่านถนนวงแหวนรอบนอก หนีลงพงหญ้าข้างทางในอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนตำรวจปิดล้อมตรวจค้นจนสามารถรวบตัวผู้ต้องหาได้แล้ว ก่อนนำตัวไปสอบสวน
เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรวังน้อย พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปราบไพรีอริศัตรูพ่าย กว่า 50 นาย ช่วยกันค้นหาคนร้ายซึ่งขับรถกระบะโตโยต้า ทะเบียน บน 3835 สระบุรี สีแดง ฝ่าจุดสกัดของ สภ.คลองหลวง บริเวณถนนพหลโยธิน ขาเข้า คู่ขนาน ฝั่งตรงข้าม นวนคร โดยมี ดาบตำรวจ ชัยวัฒน์ เจริญเสถียรบดี ผู้บังคับหมู่ สถานีทางหลวง2 กองกำกับการ8 กองบังคับการตำรวจทางหลวงวงแหวนตะวันออก ขับรถยนต์ทางหลวงไล่ติดตามมากระชั้นชิด แล้วรถต้องสงสัยเฉี่ยวชนรถยนต์ของประชาชนอีก 5 คัน หลบหนีมุ่งหน้าขาออกไปทางอยุธยา แล้วไปชนเสาไฟฟ้าหน้า บริษัทมินิแบร์ ถนนพหลโยธิน กิโลเมตรที่50 เขตพระอินทร์ราชา ทิ้งรถหลบหนี โดยรับแจ้งจากตำรวจทางหลวงว่านายเอส มีอาวุธปืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำบริเวณป่ากก และพงหญ้า ซึ่งเป็นคูน้ำข้างทางเป็นบริเวณกว้าง และยังเข้าค้นหานานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว จึงถอนกำลังขึ้นไปเดินเรียงหน้ากระดานขนหาพื้นที่โดยรอบ และแบ่งกำลังเอาไว้บางส่วนเฝ้ารอบบริเวณ เพื่อป้องกันคนร้ายหนีขึ้นมา กระทั่งผ่านไปถึง 5 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ็คโฮแหวกทาง ทำให้นายเอส อายุ 18 ปี สะดุ้งตื่นและขึ้นมามอบตัวกับตำรวจ ในสภาพอิดโรย
จากการตรวจสอบภายในรถกระบะคันดังกล่าว พบเอกสารของนายอนุสรณ์ แก้วเกิด อายุ 22 ปี จึงตรวจสอบประวัติพบว่ามีหมายจับศาลอาญา รัชดา หลบหนีไม่มาศาล ข้อหามียาบ้าในครอบครอง ส่วนรถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถของนายประทวน โทโสภา อายุ 56 ปี ชาวสระบุรี โดยมีนายเอส เป็นผู้ขับขี่ และก่อเหตุดังกล่าว
ด้าน พลตำรวจตรี ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ควบคุมตัวนายเอส ไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา ว่ามีความสัมพันธ์อะไรกับนายอนุสรณ์ พร้อมทั้งจะเชิญตัวนายประทวน เจ้าของรถคันเกิดเหตุมาสอบสวนข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป