ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาปล้นธนาคารธนชาตสาขาบางโคล่ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ด้านผู้ต้องหาให้การยอมรับทุกการกระทำ
โดยการทำแผนประกอบคำรับสารภาพทาง นายวัฒนา หรือตั๊ก ภูจริต ยอมรับว่าเมื่อวันที่ 6 กันยายน ตอนเวลา 12.30 น. ได้เดินทางมาที่ธนาคารสาขานี้แล้ว 1 รอบ เพื่อดูลาดเลาและตั้งใจจะชิงทรัพย์ แต่ระหว่างที่ดูลาดเลาเกิดอาการกลัวก็เลยเดินทางกลับ และตัดสินใจมาก่อเหตุในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น จากนั้นเมื่อได้เงิน นายตั๊ก ก็รีบขับรถจักรยานยนต์มาที่หลุยส์แมนชั่นเพื่อเปลี่ยนชุด และนั่งรถสาธารณะมาอาศัยอยู่ตามห้องเช่าในซอยวัดกู้ย่านบางบัวทอง จากนั้นก็ตัดสินใจหนีไปกบดานที่ อ.บ้านนา จ.นครนายก และ นายตั๊ก ได้ซื้อจักรยานในราคา 800 เพื่อใช้หนีไปกบดานที่อื่น โดยไปเรื่อย ๆ ค่ำไหนนอนนั่น ซึ่ง นายตั๊ก ปั่นจักรยานมาจนถึง จ.ชัยภูมิ และรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงแวะเข้าพักที่บ้านด่านรีสอร์ท ก่อนถูกชุดสืบสวนเข้าจับกุมได้โดยละม่อม แต่ทว่าการแถลงข่าววันนี้ นายตั๊ก ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ ในการก่อเหตุ ทางผู้บัญชาการตำรวจจึงเป็นผู้ให้รายละเอียดของพฤติกรรมคนร้ายด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ ปืนที่ใช้ในการจี้ชิงทรัพย์ ผู้ต้องหายอมรับว่าได้ซื้อมาจากอินเทอร์เน็ตเมื่อ 5 ปีที่แล้วในราคา 12,000 บาท และหลังก่อเหตุก็ทิ้งปืนในป่าข้างทางระหว่างปั่นจักรยานหลบหนี ทั้งนี้การจับกุมตัวนายวัฒนา หรือตั๊ก ทางตำรวจสามารถยึดของกลางกลับคืนมาได้ 240,800 บาท จากเงินทั้งหมดที่ชิงทรัพย์มาได้ 257,000 บาท ในขณะเดียวกันมูลเหตุจงใจที่ก่อเหตุทีธนาคารสาขานี้เพราะว่าที่นี่ผู้คนไม่พรุกพร่าน และเจ้าหน้าที่ รปภ. ก็ให้การต้อนรับมากกว่าการป้องกันเพราะ รปภ. มีอายุมาก
อย่างไรก็ตาม มูลเหตุจูงใจการก่อเหตุในครั้งนี้ก็มาจากการติดหนี้พนันและการใช้เงินที่เกินตัว ซึ่งหลังจากการทำแผนประกอบคำรับสารภาพทางตำรวจก็จะขออำนาจศาลเพื่อฝากขังผู้ต้องหาต่อไป นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังฝากเตือนถึงธนาคารทั่วไปว่า อย่าเพียงคำนึงถึงการให้บริการอย่างเดียวจนลืมมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วย