ศาลออกหมายจับตำรวจภูธรเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ หลังจากร่วมกันก่อเหตุอุ้มเจ้าของโรงงานยางรมควันใน อ.เขาพนม ไปรีดทรัพย์ โดยบังคับให้เซ็นต์เช็ค จำนวน 5 ล้านบาท แต่เจ้าตัวไม่ยอม ก่อนข่มขู่ว่าถ้าไม่เซ็นต์จะยัดยาบ้าให้ จึงทำให้เจ้าตัวจำใจต้องเซ็นต์ และก่อนกลับได้สั่งห้ามแจ้งตำรวจไม่เช่นนั้นจะฆ่ายกครัว ล่าสุด ตำรวจนายนี้ พร้อมพวก ได้เข้ามอบตัว พร้อมให้การปฏิเสธ ก่อนจะนำตัวไปฝากขัง
ร.ต.อ.ธรรมราช ส้มเขียวหวาน รองสารวัตร สภ.เกาะกลาง พร้อม นายประชิต ปานชู และ นายขุนศึก ศรีชาย ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจภูธรทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช หลังจากถูกศาลจังหวัดทุ่งสงออกหมายจับในขัอหา อุ้มไปรีดเอาทรัพย์และร่วมกันกรรโชกโดยมีอาวุธปืนติดตัวมาขู่เข็น / ร่วมกันเอาเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน / และร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน และมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อ ก่อนนำตัวผู้ต้องหา 3 คน ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดทุ่งสงทันที ขณะนี้ อยู่ระหว่างยื่นเรื่องประกันตัวขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 3 แสนบาท และโฉนดที่ดิน โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เนื่องจาก 1 ใน 3 ผู้ต้องหา เป็นตำรวจ เกรงว่าจะมายุ่งเหยิงกับคดี
สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจาก นายประชิต หนึ่งในผู้ต้องหา ได้นำยางรมควันมาขายกับ นายกชกร สุดชาย อายุ 19 ปี เจ้าของโรงงานรับซื้อและส่งออกยางพารารายใหญ่ใน อ.เขาพนม จ.กระบี่ ซึ่งในช่วงนั้นราคายางพารากิโลกรัมละ 100 บาท เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2559 จนกระทั่ง นายประชิต กลายเป็นลูกค้าประจำของนายกชกร และประมาณเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายประชิต ได้นำยางรมควันมาฝากขายกับนายกชกร จำนวน 27,798 กิโลกรัม ซึ่งในช่วงนั้นราคายางยังอยู่ในราคา 100 บาท เมื่อผ่านไป 6 เดือน นายกชกร ได้ขายยางรมควันไปแต่ราคาได้ตกลงเหลือ 53.45 บาท นายกชกร จึงได้คิดเงินให้ นายประชิต เป็นเงิน 1,485,803 บาท แต่นายประชิต ไม่ยอมรับเงินดังกล่าว โดยอ้างว่าต้องได้เงินจำนวน 2,805,199.12 บาท ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันไม่ได้
โดยนายประชิต เกิดความโกธรแค้น จึงได้ชักชวนพวกประมาณ 6-7 คน ร่วมกันวางแผนอุ้มนายกชกร ซึ่งในจำนวนนี้ มีร้อยตำรวจเอก ธรรมราช ร่วมวางแนด้วย เมื่อสบโอกาสพบนายกชกร ขับรถเบ็นซ์ส่วนตัว มาเบิกเงินจำนวน 1 ล้าน 5 แสนบาท เพื่อนำไปจ่ายให้กับลูกค้ารายอื่น ก่อนเข้าพักที่โรงแรมเลอปาร์ค ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง ขณะที่นายกชกร ลงจากรถ จึงเข้าจู่โจมใช้ปืนจี้นายกชกร ขึ้นรถกระบะของนายประชิต และขับพาไปรีดทรัพย์ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง และจับนายกชกร สวมกุญแจมือเอาผ้าปิดหน้า บังคับให้นายกชกร โอนเงินเข้าบัญชีนายประชิต ผ่านทางมือถือของนายกชกร พร้อมบังคับให้เขียนเช็คใบละ 5 แสนบาท จำนวน 10 ฉบับ และก่อนทีมอุ้มจะกลับได้สั่งห้ามแจ้งตำรวจไม่เช่นนั้นจะฆ่ายกครัว โดยปล่อยให้นายกชกร อยู่ในห้องเพียงลำพัง ก่อนที่จะแก้มัดได้ แล้วจึงเดินมาจากห้องพัก และได้ตรวจสอบภายในรถเบ็นซ์ซึ่งจอดอยู่หน้าโรงแรม พบว่า เงินจำนวน 1 ล้าน 5 แสนบาท ได้หายไปด้วย ก่อนขับรถกลับบ้านพักที่จังหวัดกระบี่ เพื่อแจ้งให้ทางบ้านทราบ และเข้าแจ้งความกับตำรวจภูธรทุ่งสง จึงนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีดังกล่าว