หลังจากคนร้ายก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ส.ต.ปรีดา แสนสุข อายุ 63 ปี คนขับแท็กซี่อดีตทหารนอกราชการ ได้รับบาดเจ็บพร้อมกับทุบกระจกด้านหลังรถแท็กซี่ก่อนจะหลบหนีเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่หาเบาะแส ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ล่าสุด ผู้ก่อเหตุเป็น 3 หนุ่มเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ อ้างทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ พร้อมกราบขอขมากับคุณลุงผู้บาดเจ็บด้วย
นายธนิต มหากำมินทร์ อายุ 33 ปี, นายศิลาวัฒน์ สุมมาตร อายุ 34 ปี และ นายนราเศรษฐ์ ถาวรโพธิวัฒน์ อายุ 32 ปี นำกระเช้าและพวงมาลัย กราบขอขมา ส.ต.ปรีดา แสนสุข อายุ 63 ปี คนขับแท็กซี่อดีตทหารนอกราชการ หลังเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ หลังจากทั้ง 3 หนุ่มทำร้ายร่างกาย ส.ต.ปรีดา บาดเจ็บสาหัสที่หน้าบ้านภายใน ซ.ด่านสำโรง 50/1 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถูกชาวบ้านที่พบเห็นได้ถ่ายภาพ ส.ต.ปรีดา อยู่ในสภาพเลือดอาบ พร้อมทั้งรถแท็กซี่กระจกด้านหลังแตก ก่อนที่จะนำไปแชร์ในโลกออนไลน์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสำโรงเหนือ ลงพื้นที่หาเบาะแสจากพยานบุคคลและภาพจากกล้องวงจรปิด ก่อนกดดันให้คนร้ายทั้ง 3 คนเข้ามอบตัวในที่สุด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ และทำให้เสียทรัพย์ อย่างไรก็ตามหากผลตรวจแพทย์ออกมาว่า นายปรีชา บาดเจ็บสาหัส ก็จะแจ้งข้อหา ทำร้ายร้างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสต่อไป
ส.ต.ปรีดา ผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุขับแท็กซี่กำลังกลับบ้านพัก มาถึงบริเวณกลางซอยวัดด่านสำโรง มีกลุ่มรถจักรยานยนต์ผู้ต้องหา อยู่บริเวณด้านหน้าขับรถจักรยานยนต์ 2 คัน ตีคู่กันเต็ม 1 ช่องทาง ในลักษณะกีดขวางการจราจร ตนจึงได้เปิดไฟสูงพร้อมบีบแตรเพื่อเป็นสัญญาณให้หลบทางให้และเร่งเครื่องแซงขึ้นไป แต่ไม่คิดว่าจะทำให้กลุ่มผู้ต้องหาเกิดความไม่พอใจขับรถไล่ตามมาจนถึงหน้าบ้านของตัวเอง แล้วใช้ของแข็งขว้างไปที่รถของตนจนกระจกรถแตก จากนั้นตนจึงได้ลงมาจากรถ ก่อนจะถูกกลุ่มผู้ต้องหารุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและสลบไปกระทั้งกระทั้งมีคนพาตัวเองส่งโรงพยาบาล ส่วนเรื่องทั้งหมดก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ทั้งหมดก็สำนึกผิดเข้ามอบตัวกับตำรวจจึงไม่อยากจะไปซ้ำเติม เพราะเห็นใจกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะครอบครัวของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ทั้งนี้ตนได้ฝากให้ทั้งสามว่าต่อไปจะทำอะไรก็ขอให้ใจเย็น ๆ จะทำอะไรก็ขอให้คิดถึงครอบครัว เพราะทราบว่าลูกบางคนยังเล็กอยู่
ด้าน นายนราเศรษฐ์ หนึ่งในผู้ต้องหา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุระหว่างที่พวกตน ขี่รถจักรยานยนต์อยู่นั้น คุณลุงปรีดา ได้บีบแตรใส่จึงเกิดความโมโห ก่อนจะเร่งเครื่องตามไปก่อเหตุรุมทำร้าย คุณลุงปรีดา สาเหตุที่ลงมือเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น กระทั้งมีคนนำภาพของ นายปรีดา ไปลงในโลกโซเชียลและเห็นว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บจึงสำนึกผิดและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอขมา คุณลุงปรีดา โดยยินดีที่จะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งค่ารักษาพยาบาล และค่าซ่อมกระจกรถที่แตกไป พร้อมฝากเตือนควรคิดให้รอบคอบ เพราะหากกระทำอะไรลงไปแล้วมันไม่ได้เกิดผลดีอะไรเลยนอกจากจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน
