กสิกรไทย ชี้แจงกรณี อาม่า ฟ้องร้องลูกในไส้และพนักงานแบงก์โกงเงิน คดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ด้านอาม่าทวงคืน 350 ล้านบาท
จากกรณีนางฮวย ศรีวิรัตน์ (อาม่าฮวย) ได้ฟ้องคดีอาญาลูกสาว และพนักงานของธนาคารกสิกรไทยความผิดฐานลักทรัพย์ ทำเอกสารปลอม และใช้เอกสารปลอม เกี่ยวกับการเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าและฟ้องคดีแพ่งกับธนาคารนั้น
ล่าสุดธนาคารกสิกรไทย ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อปี 2557 และพนักงานดำเนินการไปตามความประสงค์ลูกค้าผ่านทางญาติสนิท โดยไม่มีเจตนาทุจริต ทั้งนี้ในชั้นนี้มีการฟ้องร้องเป็นคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ทั้งรายการที่เกิดในฝั่งธนาคาร ข้อมูลความสัมพันธ์ในทางครอบครัว และข้อมูลแวดล้อมอื่นๆ โดยธนาคารพร้อมให้ข้อเท็จจริงและนำเสนอพยานหลักฐานต่อศาล และยินดีปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรม

ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้เดินทางมายังศาลแพ่งพระโขนง เพื่อฟ้องธนาคารแห่งหนึ่งพร้อมพนักงานธนาคาร จำนวน 4 คน และนางมาวดี ศรีวิรัตน์ เพื่อเรียกเงินที่ถูกลักไปพร้อมค่าเสียหายคืน จำนวนกว่า 350 ล้าน สืบเนื่องจากนางฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 76 ปีและนางสาวมินตรา ศรีวิรัตน์ หลานสาวได้ติดต่อขอความช่วยเหลือในคดีที่ถูกพนักงานธนาคารและนางมาวดี ศรีวิรัตน์ ลูกสาวของนางฮวย ได้ทำการลักทรัพย์ซึ่งเป็นเงินในบัญชีเงินฝากของธนาคารแห่งหนึ่งออกไปจากบัญชี ภายหลังจากที่นางฮวยขณะนอนรักษาตัวจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
ซึ่งในวันนี้อาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ ได้เดินทางมายังศาลแพ่งพระโขนง ด้วยตนเองโดยนั่งรถเข็นซึ่งมีนางสาวมินตรา หลานสาวเป็นผู้พามา โดยอาม่าฮวย ได้นั่งรถเข็นอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่สามารถที่จะพูดได้เนื่องจากเจาะคอและไม่สามารถพูดได้มานานกว่าห้าปี แต่สามารถรับรู้และมีสติสมบูรณ์ สื่อสารได้ตลอดเวลาโดยการพยักหน้า

ขณะที่นางสาวมินตรา ศรีวิรัตน์ หลานสาว ได้เผยว่าอาม่าได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่ต้นปี 2556 ด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีและนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพมาเป็นเวลานาน โดยมีอาการมือเท้าอ่อนแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยได้รับการดูแลจากนางมาวดี ศรีวิรัตน์ ลูกสาวของอาม่าภายหลังออกจากโรงพยาบาล จนกระทั่งปี 2559 พ่อของตนเองคือนายมานพ ศรีวิรัตน์ ลูกชายคนโต ไปพบว่าอาม่ามีอาการไม่ดีขึ้นและมีความประสงค์ที่จะมาอยู่ที่บ้านของพ่อตนเอง จึงได้นำกลับมารักษาตัวจนอาการดีขึ้น และอาม่าได้มีการตรวจสอบตู้นิรภัย ซึ่งเป็นที่เก็บสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร และกองทุนบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรธนาคารแห่งหนึ่งพบว่าจำนวนเงินในบัญชีได้หายไปรวมกว่า 250 ล้านบาท
ขณะที่ทนายอนันต์ชัย ระบุภายหลังจากได้รับการติดต่อเพื่อให้ช่วยเหลือในคดีดังกล่าวเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการฟ้องร้องในคดีอาญาโดยพนักงานอัยการจังหวัดพระโขนงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องธนาคารและพนักงานธนาคารรวมทั้งนางมาวดี ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ซึ่งตนเองได้เป็นโจทย์ฟ้องร่วม ในขณะที่ในการฟ้องแพ่งเพื่อนำเงินที่ถูกพนักงานธนาคารและลูกสาวของอาม่าฮวย ยักยอกไปเนื่องจากได้มีการเปลี่ยนรายมือชื่อจากการเบิกถอนเงินในบัญชีธนาคารของอาม่าฮวย จากลายมือชื่อเป็นพิมพ์ลายนิ้วมือ ซึ่งขณะนั้นอามาห่วยได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในช่วงเดือนมกราคม 2557 โดยมีการเบิกถอนเงินในบัญชีต่างๆและมีการเบิกเงินจากกองทุนรวมมูลค่ากว่า 250 ล้านบาท โดยตนเองทำการยื่นฟ้องคดีแพ่งในคดีผู้บริโภคเพื่อเรียกทรัพย์สินของเอามาหวยรวมกว่า 350 ล้านบาทคืนพระต้องการให้ธนาคารออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยศาลได้นัดสิบพยานในวันที่ 17 มกราคม 2563 หน้าที่ในส่วนคดีอาญาศาลได้นัดตรวจสอบพยานหลักฐานในวันที่ 16 มกราคม 2563
อ่านข่าว Bright Today