ยิงกันที่อุบลราชธานี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีเหตุทะเลาะวิวาทและมีการใช้อาวุธปืนยิงกัน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดในเขตพื้นที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี ว่า
ผู้ต้องสงสัยคดีอนาจารเด็ก 5 ขวบ บ้านกกกอก ยื่นหนังสือ ผบ.ตร.เปลี่ยนพนักงานสอบสวน
ได้รับรายงานจาก สภ.เมืองอุบลราชธานี ว่า วันนี้ (6 ก.ย.63) เวลาประมาณ 02.09 น. พนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทกันและมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณที่จอดรถภายในสถานบริการแห่งหนึ่ง ถ.แจ้งสนิท ต.ในเมือง อ.เมือง จว.อุบลราชธานี
พนักงานสอบสวนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน แพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง จึงได้ทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บพยานหลักฐานต่าง ๆ โดยจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกองเลือดอยู่ในบริเวณที่จอดรถซึ่งข้างๆ มีรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออิซูซุ สีดำ และรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว จอดอยู่ภายในสถานบริการ และพบอาวุธปืน จำนวน 2 กระบอกพร้อมปลอกกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย ถูกยิงด้วยอาวุธปืน ได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์เพื่อทำการรักษา และโดยในเวลาต่อมา ทราบว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 ราย ถึงแก่ความตายในขณะรับการรักษาตัว
วิชา หอบข้อสรุปเข้าพบนายกฯ คดีบอส รอฟังผลใครผิด
โดยจากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุมีกลุ่มชายจำนวน 3 คนกับพวกได้เดินทางไปเที่ยวที่สถานบริการดังกล่าวแล้วเกิดทะเลาะวิวาทกับชายอีกคน ซึ่งต่อมาทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ ส.ต.ท. สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 (ผู้ต้องหา) ซึ่งมาเที่ยวที่สถานบริการแห่งนี้เช่นเดียวกัน โดยกลุ่มชายจำนวน 3 คนกับพวกได้พากันออกมายังจุดจอดรถของพวกตนแล้วผู้ต้องหาได้เดินตามมาจากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงมายังกลุ่มชายจำนวน 3 คนกับพวกและได้หลบหนีไป
ต่อมาหลังจากเกิดเหตุ ผู้ต้องหารายดังกล่าวได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบในข้อหา “ฆ่าผู้อื่น และพยายามฆ่าผู้อื่น” และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
กองปราบปรามบุก!ทลายโรงงานผู้ผลิต ค้าอาวุธ ปืนเถื่อนออนไลน์
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รอผลการตรวจพิสูจน์และสอบปากคำพยานเพิ่มเติม เพื่อนำมาประกอบในสำนวนคดีก่อนจะสรุปความเห็นทางคดีส่งสำสวนการสอบสวนไปยังชั้นพนักงานอัยการต่อไป โดยพนักงานสอบสวนจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้บังคับบัญชา ต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้กำกับการ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 จะมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยต้องให้เวลาต้นสังกัดและเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนตรวจสอบ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป