ผบช.น. พร้อมด้วยตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ นำผู้ต้องหาวางเพลิงสะพานไทย-เบลเยี่ยม ทำแผนประกอบคำรับสภาพหลังถูกจับกุมและทำการสอบสวนเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้านผู้ต้องหายืนยันไม่มีเจตนาวางเพลิง แต่ประมาททิ้งก้นบุหรี่ในกองขยะขณะทำธุระส่วนตัว
24 มี.ค.60 พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมพนักงานสอบสวน สน. ทุ่งมหาเมฆ พาตัว นายสำราญ ม่วงเขียว หรือ “เอกล็อก 1” อายุ 31 ปี หนุ่มเร่ร่อน หัวหน้าแก๊งเช็ดกระจกแยกอังรีดูนังต์และถนนวิทยุ มือวางเพลิงที่เก็บถังขยะของสำนักงานเขตปทุมวัน บริเวณใต้สะพานไทย-เบลเยี่ยม ไปชี้จุดที่เขาเข้าไปขับถ่ายใต้สะพาน และจุดที่เขาโยนก้นบุหรี่ทิ้ง และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา
สำหรับการทำแผนวันนี้มี 3 จุด จุดแรกบริเวณใต้สะพานที่ผู้ต้องหาใช้นอนพัก จุดที่ 2 เป็นบริเวณข้างสะพานฝั่งสวนลุมพินีซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาเดินไปพบก้นบุหรี่ที่มีคนทิ้งไว้ จุดที่ 3 เป็นจุดช่องระหว่างสะพานที่ผู้ต้องหาเดินลงไปเพื่อทำธุระส่วนตัว และระหว่างนั้นได้นำบุหรี่ที่เก็บมาสูบและทิ้งลงในกองขยะบริเวณใต้สะพานหลังจากนั้นก็เดินออกมาจากที่เกิดเหตุ
นายสำราญ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้เข้าไปขับถ่ายบริเวณจุดเกิดเหตุและสูบบุหรี่ไปด้วย จากนั้นจึงทิ้งก้นบุหรี่ลงไปถูกกองใบไม้ เมื่อเดินออกมาสักพักจึงเห็นกลุ่มควันลอยออกมาและไฟลุกลามเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ด้วยความกลัวจึงเดินหนีไปทางวัดหัวลำโพง และถูกเจ้าหน้าที่ สน.ท่าเรือ จับกุมระดมกวาดล้างคนเร่ร่อน ถูกส่งไปสถานสงเคราะห์คนเร่ร่อนชาย อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ระบุว่า หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบ นายสำราญ เดินอยู่ในจุดเกิดเหตุจึงได้ออกหมายจับ และพบว่าถูกควบคุมตัวอยู่ที่บ้านพักธัญบุรี สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าไม่มีเจตนาที่จะก่อเหตุวางเพลิง อีกทั้งจากการสอบสวนไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองหรือเป็นมาเฟียขัดแย้งกับคนเร่ร่อนในพื้นที่ด้วยกัน โดยจะนำผู้ต้องหาไปตรวจสภาพจิตใจเพื่อให้แพทย์ยืนยันว่าเป็นคนวิกลจริตหรือไม่ก่อนแจ้งข้อหาต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะกำชับให้ตำรวจทุกท้องที่กวดขันจับกุมคนเร่ร่อนและคนวิกลจริตอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก
สำหรับไฟไหม้ครั้งนี้ เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างเหล็กของสะพานอย่าหนัก มีมูลค่าความเสียหายที่ต้องซ่อมแซม ถึง 24 ล้านบาท และต้องทำให้ต้องปิดการจราจรเพื่อซ่อม โดยในช่องทางจราจรขาออกได้ปิดการจราจรตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาไปจนถึง 18 เม.ย.