โควิด19 สำนักข่าว ซินหัว รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (23 เม.ย.) อินเดีย มีสถิติผู้ได้รับการยืนยันว่าป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มากกว่า 20,000 รายแล้ว โดยในวันเดียวกัน อินเดียมียอดรวมผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทั่วประเทศอยู่ที่ 21,797 ราย โดยมีผู้เสียชีวิต 681 ราย
เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัส รัฐบาลอินเดียได้สั่งปิดประเทศและสั่งให้ผู้คนกักตัวอยู่ในบ้านอย่างเข้มงวดเมื่อวันที่ 25 มี.ค. จนกระทั่งในวันพฤหัสบดีนี้ ชีวิตของชาวอินเดียหยุดนิ่ง และไม่ได้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เข้าสู่วันที่ 30 ของการล็อกดาวน์แล้ว
โดยรัฐบาลระบุว่า คำสั่งปิดประเทศจะมีผลต่อไปถึงวันที่ 3 พ.ค. ซึ่งช่วงแรกของการประกาศคำสั่งโดย นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดียนั้น ระบุว่าจะมีผล 3 สัปดาห์ แต่ได้มีประกาศขยายผลไปจนถึงวันที่ 3 พ.ค. เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเชื่อว่า การทดสอบน้อยครั้งในอินเดียเป็นสาเหตุของการพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวนน้อย เนื่องจากอินเดียมีประชากรมหาศาลกว่า 1.3 พันล้านคน แต่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่พบกลับน้อยมาก
ซึ่งคาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอินเดียจะถึงจุดสูงสุดช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ก่อนจะชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม การประมานการณ์จำนวนมากระบุว่า คำสั่งล็อกดาวน์อาจมีผลถึงวันที่ 3 พ.ค. แต่ก็มีการเตือนว่าการปิดประเทศอินเดียเป็นเพียงการเลื่อนเวลาการแพร่ระบาดของไวรัสออกไปเท่านั้น
โดยมีการวิเคราะห์กันว่า คำสั่งล็อกดาวน์ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเว้นเสียแต่ว่าเราจะสามารถล็อกดาวน์ได้ตลอดไป เพราะคำสั่งนี้มีผลหยุดการกระทำของมนุษย์ในสถานที่ต่างๆ แต่ทันทีที่คำสั่งถูกยกเลิก การแพร่กระจายของไวรัสย่อมเกิดขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
เครดิตภาพ China Xinhua News