รัฐประหารเมียนมา — จากกรณีที่ กองทัพเมียนมาได้ทำรัฐประหาร โดยได้เข้ายึดอำนาจ และจับกุมนาง อองซานซูจี มนตรีแห่งรัฐและหัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี, ประธานาธิบดี วิน เมี่ยน รวมทั้งแกนนำคนสำคัญในรัฐบาล พร้อมกับประกาศยึดอำนาจ และประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี เมื่อช่วงเช้าวันนี้( 1 ก.พ.64)
พรรคเอ็นแอลดีของ อองซานซูจี ปลุกประชาชน ประท้วงคัดค้านรัฐประหาร
ล่าสุด บรรดานักวิเคราะห์ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว โดยนายเจอราด แมคคาร์ธี่ จากสถาบันวิจัยเอเชีย มหาวิทยาลัยสิงคโปร์ ระบุว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมาในเวลานี้ยิ่งทำให้กองทัพเมียนมามีความได้เปรียบ โดยการที่กองทัพเมียนมาประกาศยึดอำนาจเป็นเวลา 1 ปี จะยิ่งทำให้เมียนมาถูกโดดเดี่ยวจากประเทศที่ไม่ใช่พันธมิตรของจีน ส่งผลกระทบต่อการค้าขาย สร้างกระแสต่อต้านให้กับประชาชนหลายล้านคนที่สนับสนุนนางอองซาน ซูจี และพรรคเอ็นแอลดี ที่คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา โดยการที่กองทัพเมียนมาทำรัฐประหารเพื่อหวังเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งในอนาคตก็ถือเป็นการกระทำที่เสี่ยงอย่างมาก
ปะทะเดือดต้าน รัฐประหาร หน้าสถานทูตเมียนมา ถูกรวบแล้ว 3 ราย (คลิป)
ทั่วโลกร่วมประณาม รัฐประหารเมียนมา พร้อมจี้กองทัพปล่อยตัว อองซานซูจี
ขณะที่นายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคเอเชียจากฮิวแมนไรท์วอชท์ ระบุว่าการที่กองทัพเมียนมาก่อรัฐรัฐประหารจะยิ่งทำให้เมียนมากลายเป็นรัฐที่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมนานาชาติ อีกทั้งยังทำให้ชาวเมียนมาที่ฝักใฝ่ประชาธิปไตยโกรธแค้น เนื่องจากพวกเขามองนางซูเป็นความหวังที่จะนำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตย และไม่ต้องการกลับไปสู่การปกครองภายใต้กองทัพอีก
ทั้งนี้ นายโรเบิร์ตสันหวังว่า เหตุความขัดแย้งทางการเมืองในเมียนมาครั้งนี้จะคลี่คลายลงได้ด้วยการเจรจาสู่ทางออกที่สันติ พร้อมกับเตือนว่า หากชาวเมียนมาลุกฮือขึ้นมาประท้วงต่อต้านรัฐประหารครั้งนี้ก็เท่ากับว่าเมียนมากำลังเผชิญกับวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่อีกครั้ง
ขอบคุณภาพ Xinhua