สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของสิงคโปร์รายงานว่าบริษัท ไฟเซอร์ -ไบโอเทค ผู้ผลิตวัคซีนไฟเซอร์ เตรียมขอเสนอสำนักงานอาหารและยา และศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐฯให้มีการฉีดวัคซีนวัคซีนไฟเซอร์กระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 หลังได้พิจารณาปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ ทั้งการกลับมาติดเชื้อซ้ำภายใน 6 เดือน และเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์อินเดีย ที่กำลังมีการแพร่ระบาดอย่างสูงทั้งในทั่วโลกและสหรัฐฯ
ด้านนายไมเคิล โดลสเตน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์เปิดเผยผลการศึกษา ที่ชี้ว่าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์กระตุ้นเป็นที่ 3 สามารถสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มได้ 5 -10 เท่า สูงกว่าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม และเชื่อว่าการฉีดวัคซีนกระตุ้นมีความจำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุ
สิงคโปร์! ไม่นับคนฉีด “ซิโวแวค” ในยอดรวมผู้ได้รับวัคซีน นับเฉพาะ ไฟเซอร์-โมเดอร์นา
ทั้งนี้ ข้อเสนอเรื่องการฉีดกระตุ้นวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3 มีขึ้น หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลเปิดเผยผลการศึกษา ที่ชี้ว่าภูมิคุ้มกันของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์เมื่อเดือนม.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมา มีประสิทธิภาพลดลงเหลือ 64 เปอร์เซ็นต์ในการป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้า
อิสราเอล เผยโควิดเดลต้า ส่งผลให้ประสิทธิภาพ วัคซีน “ไฟเซอร์” ลดลงเหลือ 64%
สิงคโปร์ เร่งสอบกรณี วัยรุ่นวัย 16 ปี มีอาการหัวใจหยุดเต้น 6 วัน หลังฉีด วัคซีนไฟเซอร์
อย่างไรก็ดี สำนักงานอาหารและยา และศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยระบุว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้นในเวลานี้ เช่นเดียวกับบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ออกมาตั้งคำถามถึงความจำเป็นของการฉีดเข็มกระตุ้นในเวลานี้