ทหารอิรัก |วานนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์การประท้วงต่อต้านรัฐบาล ในประเทศอิรัก กลายเป็นหนึ่งในวันที่นองเลือดที่สุด นับตั้งแต่เหตุความรุนแรง เริ่มขึ้นเมื่อเดือนก่อน โดยมีผู้เสียชีวิตในวันเดียวมากกว่า 30 ราย
ทั้งนี้ ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวอิรักจำนวนมากออกมาเดินขบวนตามท้องถนน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างงาน, ยุติการคอร์รัปชัน และพัฒนาบริการสาธารณะให้ดีขึ้น แต่สถานการณ์บานปลายจนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่หลายครั้ง ส่งผลให้ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 350 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายพันคน
กองทัพอิหร่าน ส่งกำลังเสริมไปรับมือความไม่สงบที่เมืองนาซิริยา ทางใต้ของประเทศ ที่ผู้ชุมนุมนั่งปักหลักชุมนุมบนสะพาน 2 แห่ง โดยเจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริง และแก๊สน้ำตายิงใส่ผู้ประท้วง เพื่อสลายการชุมนุม จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 ราย ขณะที่ผู้ชุมนุมตอบโต้ด้วยการจุดไฟเผาสถานีตำรวจ ในนาจาฟ
อย่างไรก็ตาม สถานกงสุลของอิหร่านกลายเป็นซากดำตอตะโก หลังจากถูกบุกจู่โจม ขณะที่ผู้ประท้วงหนุ่มสาวกล่าวหาว่านักการเมืองทุจริต กลายเป็นทาสที่ต้องตอบสนองบุญคุณมหาอำนาจต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิหร่าน และยังกล่าวหารัฐบาลล้มเหลวในการฟื้นฟูประเทศ ทั้งที่บ้านเมืองค่อนข้างสงบนับจากที่กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) แตกพ่ายไปในปี 2017