โควิด19 สำนักงานคุ้มครองพลเรือนของอิตาลีที่เป็นผู้ประสานงานด้านการโต้ภาวะฉุกเฉินได้ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อ โควิด19 ยังมีอาการป่วยเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสได้มีการแพร่ระบาด
หน่วยงานทางการอิตาลี ออกแถลงการณ์ประกาศสถิติของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 7,000 กว่าราย และยอดสะสมผู้ติดเชื้อไวรัสก็ยังแตะสูงไปถึง 80,589 ราย
เมื่อพิจารณาระดับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เชิงภูมิศาสตร์ พื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดยังคงเป็นตอนเหนือของประเทศ โดยสถิติเมื่อวันพุธ (25 มี.ค.) ระบุว่าแคว้นลอมบาร์ดี ซึ่งเป็นต้นกำเนิดการแพร่ระบาดในประเทศพบผู้ติดเชื้อที่ยังมีอาการป่วยรวม 20,591 ราย ตามด้วยเอมิเลีย-โรมัญญา 8,256 ราย, เวเนโต 5,745 ราย และปีเยมอนเต 5,556 ราย
เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ระบุในงานแถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า แนวโน้มการแพร่ระบาดเป็นไปตามการคาดการณ์ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามกฎและข้อจำกัดที่มีผลบังคับใช้ตลอดช่วงเวลาปิดประเทศ ซึ่งจะดำเนินไปถึงวันที่ 3 เม.ย.
“เราจึงเห็นว่าการปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม (social distancing) เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง หากเราต้องการทำให้สถานการณ์คงที่ และลดจำนวนผู้ติดเชื้อลง”
เมื่อวันพุธ (25 มี.ค.) รานิเอรี กูเอร์รา (Ranieri Guerra) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่าการแพร่ระบาดของอิตาลีอาจพุ่งถึงจุดสูงสุดภายในสัปดาห์นี้
“ระดับการแพร่ระบาดที่ชะลอตัวลงเป็นสัญญาณที่ดี และผมเชื่อว่าแคว้นของอิตาลีบางแห่งกำลังเข้าใกล้จุดพลิกผันที่ยอดผู้ป่วยจะลดต่ำลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง” กูเอร์ราให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุเอกชน เรดิโอ แคปิทอล (Radio Capital) “ผมเชื่อว่าสัปดาห์นี้ และช่วงต้นสัปดาห์หน้าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นช่วงที่เราจะเริ่มเห็นผลของมาตรการที่รัฐบาลออกเมื่อ 15-20 วันก่อน”
สำนักงานฯ กล่าวถึงมาตรการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่าได้ส่งอาสาสมัครกว่า 9,600 คนไปปฏิบัติหน้าที่ทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ทหาร และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต่อสู้กับการแพร่ระบาด
นอกจากนี้ประชาชนชาวอิตาลีจำนวนมากยังร่วมใจกันบริจาคเงินรวม 44 ล้านยูโร (ราว 1.5 พันล้านบาท) ให้บัญชีธนาคารพิเศษของสำนักงานฯ เพื่อการต่อสู้กับภาวะฉุกเฉินในครั้งนี้โดยเฉพาะ
ลุยจิ ดานเจโล (Luigi D’Angelo) ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของสำนักงานฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “ปัจจุบันเราได้จัดเต็นท์ตรวจผู้ป่วยราว 720 หลัง นอกห้องฉุกเฉินตามโรงพยาบาลหลายแห่ง ซึ่งช่วยให้เราสามารถตรวจพบและกักตัวผู้ป่วยต้องสงสัยได้มีประสิทธิภาพขึ้นมาก” นอกจากนี้สำนักงานฯ ยัง “จัดเต็นท์ตรวจผู้ป่วยอีก 151 หลังภายในเรือนจำ เพื่อคอยเฝ้าระวังสถานการณ์ในกลุ่มนักโทษ”
เมื่อวันพุธ (25 มี.ค.) สหพันธ์แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปของอิตาลีกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของอิตาลีเผชิญความสูญเสียมากมายจากภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดยมีแพทย์เสียชีวิตเนื่องจากโรคโควิด-19 แล้ว 31 ราย และใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีแพทย์ประจำบ้านเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ราย
สถาบันสุขภาพแห่งชาติของอิตาลี (ISS) เผยแพร่ข้อมูลล่าสุดระบุว่า จนถึงวันที่ 24 มี.ค. มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดเชื้อไวรัสแล้วอย่างน้อย 5,760 ราย สร้างความกังวลใหญ่หลวงให้แก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และหน่วยงานทางการ เนื่องจากสถิติเหล่านี้ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุข ระหว่างที่อิตาลีเผชิญการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก
หลังแพทย์ผ่าตัด 2 รายในเมืองตูรินติดเชื้อ และกลายเป็นผู้ป่วยวิกฤตในวันอังคารที่ผ่านมา (24 มี.ค.) สหภาพแพทย์อานาอาโอ อัสโซเมด (Anaao Assomed) ส่งจดหมายถึงซิลวิโอ บรุสซาเฟร์โร (Silvio Brusaferro) หัวหน้าสถาบันฯ เพื่อร้องขอให้เพิ่มจำนวนอุปกรณ์ป้องกันให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่การแพทย์
ในวันเดียวกัน โรแบร์โต สเปรานซา (Roberto Speranza) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอิตาลีได้เผยแพร่แถลงการณ์ระบุว่ารัฐบาลดำเนินการผลิตและซื้ออุปกรณ์ป้องกันจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และ “มุ่งแจกจ่ายอุปกรณ์ให้แพทย์, พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ต่อสู้กับโรคโควิด-19 เป็นหลัก”
ช่วงค่ำวันพุธ (25 มี.ค.) จูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลีรายงานความคืบหน้าต่อรัฐสภา เกี่ยวกับมาตรการภาวะฉุกเฉินทั้งหมดที่คณะรัฐมนตรีลงมติเห็นชอบ
“ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้เราจะส่งทีมแพทย์ชุดใหม่ไปยังโรงพยาบาลหลายแห่งที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุด และเท่าที่ผมทราบ ทีมแรกน่าจะเดินทางถึงจุดหมายแล้วในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา” คอนเตกล่าวต่อรัฐสภา “นอกจากนี้เราจะโยกย้ายพยาบาลราว 500 คนไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่มียอดผู้ป่วยโควิด-19 สูงที่สุด”
นอกจากนี้ คอนเตแจ้งว่าหน่วยงานทางการได้เพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยภาวะวิกฤตจาก 5,343 หลัง เป็น 8,370 หลัง และแผนกผู้ป่วยกึ่งวิกฤตจาก 6,525 หลัง เป็น 26,169 หลัง