วันที่ 28 มีนาคม 2567 ทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้เดินทางมายัง สำนักงานสอบสวนกลาง หลังจากที่วานนี้ ได้มีการเปิดเผยมาจากที่โต๊ะแถลงว่า ได้มีการนัด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบ.ตร หรือ บิ๊กเต่า เพื่อขอมอบหลักฐานที่แถลงทั้งหมดให้ในวันนี้ (28 มี.ค. 2567)
ขณะที่ ทนายตั้ม ได้มีการเดินทางมาที่สำนักงานสอบสวนกลางแล้วนั้น ได้พบกับพล.ต.ต.จรูญเกีรยติ พร้อมกับถามว่า เพิ่งจะเจอกันครั้งแรก ไม่รู้ว่าพี่จะหนักใจหรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เราไม่เคยหนักใจเพราะว่า เราเป็นหน่วยงานที่ต้องรับเรื่องจากทั่วประเทศอยู่แล้ว และนี่เป็นเรื่องหนึ่ง ไม่ต้องกลัวว่าที่นี่จะลำเอียง เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคนเท่าเทียมกัน ต้องของขอบคุณทนายตั้มที่เอาข้อมูลมาให้ มันถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำความสะอาดบ้านตัวเอง
เมื่อทนายตั้มถามว่า หากว่าข้อมูลมันไปตรวจสอบพบว่า ผบ.ตร. กระทำผิดจริง ท่านพร้อมที่จะดำเนินคดีไหม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ทุกคนอยู่ภายใต้ข้อกฎหมาย ไม่ว่าจะยศใหย่หรือยศเล็ก เรามีสิทธิเท่าเทียมกัน นโยบายท่านที่สอบสวนกลาง ท่านก็ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน หากทนายเอาหลักฐานมา เราทำตามทุกขั้นตอน พร้อมดำเนินคดี ไม่มีข้อแย้งอะไรทั้งนั้น
ทนายตั้ม กล่าวต่อว่า หลังจากที่ท่าน รอง ผบ.ตร. บอกมาแบบนี้ผมก็มีความเชื่อมั่นมากขึ้นเยอะ วันนี้จะยื่นเอกสารให้พี่มี สเตทเม้นของพิมพ์วิไล และให้ช่วยเรื่องการไล่เส้นทางการเงินที่มีการแถลงไปว่า ให้ยืนยันว่า พิมพ์วิไล โอนเงินใน คชาชาญ ส่วนคชาชาญโอนเงินให้ณัฐพงศ์ และณัฐพงศ์ โอนให้กับตำรวจอีกหลายๆคน แค่อยากให้ตรวสอบทุกบัญชีว่ามีการโอนกี่ครั้ง และโอนเพื่ออะไร
อย่างที่ 2 ข้อมูลจากสายลับ เขามีความเชื่อมั่นในตัว รอง ผบ.ตร.สูง เขาก็เลยบอกว่า ถ้ามาขนาดนี้แล้ว ให้ผมเอาข้อมูลให้ รอง ผบ.ตร.ได้ ฉะนั้นวันนี้ ผมจึงเอามาให้ตรวจสอบว่ามันเป็นจริง มันเป็นการโอนกันค่าอะไรในทุกๆเดือน