คดี ลุงพล ล่าสุด 22 มค. 64 นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานเป็นพิกัดที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างซึ่งอยู่ในเขตป่าดงภูพาน จ.มุกดาหาร เดินทางมายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(บก.ปทส.) เพื่อแจ้งความเอาผิดนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล กับพวก ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ มาตรา 14 จากการครอบครองไม้มะค่าแต้หวงห้าม การก่อสร้างวังพญานาค และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ทำให้ป่าสงวนเสื่อมเสียสภาพ
ทนายตั้ม เตรียมไปบ้านกกกอก ชี้ น้องชมพู่ อาจหลงป่า ลุงพลเป็นเหยื่อ พร้อมช่วย
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นป่าสงวนกฎหมายระบุไว้ว่าห้ามเปลี่ยนมือ แต่ลุงพลให้สัมภาษณ์สื่อว่าได้ซื้อต่อจากปู่ในราคา 1.5 แสนบาท ซึ่งผิดกฎหมายเนื่องจากที่ดินลักษณะนี้จะมอบให้ลูกหรือทายาทได้เท่านั้น อีกทั้งที่ดินทุกแปลงในหมู่บ้านกกกอกเป็นป่าสงวน ไม่มีเอกสารสิทธ์แต่อยู่ในระเบียบกรมป่าไม้ที่ให้อยู่อาศัยหรือทำการเกษตรได้ ก่อนปี 2541 แต่ลุงพลเพิ่งเข้าพักอาศัยปี 2557 และก่อสร้างพญานาคปี 2563 ยืนยันไม่ได้แจ้งความมั่วซั่ว เพราะเห็นถึงประโยชน์ของสาธารณะเป็นหลัก นอกจากนี้ลุงพลยังอ้างว่ามีต้นตะเคียนไหลมาตามแม่น้ำ ก่อนนำขึ้นมาให้คนกราบไหว้บูชา มีนางรำ ต่อไปอาจจะมีตู้รับบริจาค ถือเป็นการหลอกลวงประชาชน เพราะตรวจสอบแล้วเป็นไม้มะค่า แต่หลังโดนกรมป่าไม้ยึดไปก็ไม่หยุด ยังนำตอไม้มาอ้างว่าเป็นเจ้าแม่ตะเคียนโสรภี หลอกประชาชนซ้ำแล้วซ้ำอีก
อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า การสร้างพญานาคก็ไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ไม่มีวิศวกรควบคุมงาน หากล้มทับคนตายใครจะรับผิดชอบ ถือเป็นการสร้างความงมงายต่อประชาชน เอาความเชื่อความศรัทธาประชาชนมาแสวงหาผลประโยชน์ ส่วนการที่ลุงพลจ้างนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม มาว่าความนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเขา ที่ทนายตั้มระบุว่าเครื่องจับเท็จมีความคลาดเคลื่อนเยอะ ไม่ใช่ตัวเลือกดีในการใช้เป็นหลักฐานชั้นศาลนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของการทำคดี ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่มีผลทางจิตวิทยาเท่านั้น เชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานอื่นอยู่แล้ว
ขอบคถณภาพและเนื้อหาจาก Policenews
คดีน้องชมพู่ เดือดอีก! อัจฉริยะ แนะจับตา ทนายตั้ม ออกมาช่วยนายพล
หนุ่ม กรรชัย ขยี้ ลุงพล เละกลางโหนกระแส – อัจฉริยะ ลั่นคนร้ายอยู่แค่เอื้อม – คู่กรณีโผล่โฟนอิน