“หมออ๋อง”จับมือ “ปิติพงศ์-กัณวีร์” แถลงร่วมพรรค เผย ไม่ได้ถือฤกษ์ 10 เดือน 10 บอกเป็นวันดี – ปิติพงศ์ ลั่น! ชามข้าวบ้านใหม่ อาจไม่อร่อยเหมือน ก้าวไกล แต่ไม่ถึงกับข้าวคลุกน้ำปลา
วันที่ 10 ตุลาคม 2566 ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 แถลงเข้าเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรม ร่วมกับนายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม และ นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า หลังจากที่ทางอดีตพรรคที่อยู่ หรือ พรรคก้าวไกล มีมติในการให้ผมออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำฝ่ายค้านเต็มตัว ผมเองก็ได้หารือ และกล่าววันนี้ให้ชัดเจน ว่าผมตัดสินใจเข้าพรรคเป็นธรรม ในอุดมการณ์ ในแนวทางที่ใกล้เคียงกันมาที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพรรคอนาคตใหม่ หรือว่าพรรคก้าวไกล
ในส่วนของผม วันนี้ยังไม่ได้มีการสมัคร ในทางกฏหมาย จะต้องรอหนังสือยืนยันการพ้นสภาพสมาชิกจาก กกต. ก่อน ซึ่งคาดว่าจะมาในเร็วๆนี้ แล้วก็จะมีการสมัครเข้าพรรคเป็นธรรม อย่างเป็นทางการต่อไป แต่วันนี้เพื่อคลายความสงสัย และสร้างความมั่นใจ ว่าตนไม่ได้นิ่งนอนใจ กับการไร้สังกัดพรรคการเมือง และทางพรรคเป็นธรรม ก็มีแนวทางที่จะสนับสนุน
เพราะฉะนั้น วันนี้ก็ไม่ได้ถือฤกษ์อะไร แต่วันที่ 10 เดือน 10 ก็เป็นวันดี เพราะว่า พรุ่งนี้เมื่อมีความชัดเจน ก็จะได้ทำหน้าที่ เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร์ เป็นประธานที่ประชุม ในนามที่ทุกคนเข้าใจ ว่าตนมีพรรคที่จะอยู่เรียบร้อยแล้ว และจะเป็นพรรคที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ส่วนทางนายกัณวีร์ สืบแสง พรรคเป็นธรรม ได้กล่าวว่า ก็เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการที่มีนายปดิพัทธ์ เข้าร่วมพรรคของเรา การทำงานของพรรคนั้นชัดเจน และตรงไปตรงมา ในการสร้างการเมืองที่ตรงไปตรงมา และไม่บิดเบี้ยว เราจะสร้างให้ทุกคนเห็นว่า ต่อไปนี้ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย เรามองเห็นนายปดิพัทธ์ จะทำหน้าที่ของรองประธานสภาฯ ฉะนั้น ความขัดแย้งจะไม่มี เพราะตำแหน่งงนี้จะต้องมีความโปร่งใส ความเป็นกลาง และความเป็นธรรม ส่วนการทำงานจะเป็นการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านเชิงรุก ที่เราจะเห็นการตรวจสอบงบถ่วงดุล การบริหารราชการแผ่นดิน เราจะทำให้ประสิทธิภาพของการบริหารราชการแผ่นดิน มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“ขอยืนยันว่า พรรคเป็นธรรม ไม่ใช่พรรคสาขาของพรรคก้าวไกล เพราะเมื่อตอนหาเสียง ทางพรรคเป็นธรรม และพรรคก้าวไกล ก็มีการต่อสู้กันมาตลอด สิ่งที่พี่น้องเห็นความชัดเจน เราทำงานเป็นตัวเลือกให้กับพี่น้องประชาชน ที่จะต้องเลือกพรรคการเมืองที่ดีที่สุด เข้ามาบริหาร ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะฉะนั้น พรรคสาขาไม่น่าจะเป็นคำถามที่ออกมาโดยสังคม” นายกัณวีร์ กล่าว
ด้าน นายปิติพงศ์ ระบุเพิ่มเติมว่า เนื่องจาก นายปดิพัทธ์ ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ระหว่างดำรงตำแหน่งอยู่ จะไม่มีการจัดสรรตำแหน่งภายในพรรคเป็นธรรม ทั้งกรรมการบริหารพรรค หรือตำแหน่งอื่นๆ ให้ นายปดิพัทธ์ ซึ่ง นายปดิพัทธ์ ได้ปวารณาตัวสนับสนุนการทำงานทางการเมืองของพรรคในฐานะสมาชิกพรรคเท่านั้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการย้ายพรรคครั้งนี้ ไม่มีเรื่องอามิสสินจ้าง ไม่มีระบบกล้วยเหมือนแต่ก่อน เป็นการย้ายพรรคด้วยอุดมการณ์ พรรคเป็นธรรมไม่ได้ตกปลาในบ่อของพรรคก้าวไกล

“ดังนั้น คำถามที่ว่าจะเป็นสาขาพรรคหรือไม่ ขอยืนยันว่าเราไม่ได้เป็น เราอยู่หมู่บ้านประชาธิปไตยด้วยกัน มีบ้านคนละหลัง กินข้าวคนละชามด้วย ไม่ได้ชามเดียวกัน ชามผมอาจไม่อร่อยเหมือนพรรคก้าวไกล ก็ต้องว่ากันไป เราเป็นพรรคเกิดใหม่ แต่ก็คิดว่าไม่ถึงขนาดข้าวคลุกน้ำปลานะครับ” นายปิติพงศ์ กล่าว
ด้าน นายปดิพัทธ์ ยืนยันว่า ในรัฐธรรมนูญกำหนดให้รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ให้เป็นกลาง เป็นไปไม่ได้ที่เมื่ออยู่พรรคอื่นแล้วจะทำให้เกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นในสภา แนวทางการทำงานทั้งหมด ทั้งเรื่องการบรรจุกฎหมาย การพิจารณา ร่างการเงิน การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จะอำนวยการให้ทุกพรรคการเมืองอย่างเท่าเทียมกัน
“แม้สัดส่วนของพรรคเป็นธรรมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 คน ก็ไม่ได้ทำให้คุณกัณวีร์ได้อภิปรายเพิ่มขึ้น และผมจะไม่เข้าร่วมการประชุมพรรค หรืองานของวิปฝ่ายค้าน ผมจะทำงานร่วมกับประธานและรองประธานสภาฯ มากกว่า และอีกส่วนหนึ่งคือการทำงานเรื่อง ICT ร่วมกับรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นการทำงานลักษณะเดิมแม้ สังกัด สส. อยู่พรรคใดก็ตาม” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ ยอมรับว่า เวลานี้บรรยากาศดีขึ้น จากท่าทีของนายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล เพราะการจับจ้องทางการเมืองเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ และเกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนย้ายเข้าพรรคเป็นธรรมแล้ว ฉะนั้น คิดว่าจะมีแรงเสียดทานเรื่อยๆ จากหลายเรื่อง เช่น การตรวจรับสภาฯ การจัดซื้อจัดจ้าง แรงเสียดทานจะไม่น้อยลง แต่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนแน่นอน
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY