หลังจากที่ศาลแขวงธนบุรีได้อนุมัติหมายจับคนขับรถเบนซ์ป้ายแดงที่ลาก”ด.ต.นิติ” ไปกับถนนตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ล่าสุดทางผู้ถูกกล่าวหาได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และนำพวงมาลัยไปขอขมาดาบตำรวจที่ถูกลากจนได้รับบาดเจ็บ
พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าสอบปากคำนางสาวจุฑามาตร ศรีพรหม และนายบันฑิต สุวรรณเวคิน สองสามีภรรยาที่ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี รวม 3 ข้อหา คือ ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ // ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ // และขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรขณะปฏิบัติหน้าที่ หลังจากได้ขับรถเบนซ์ รุ่น อี 200 ป้ายแดงหมายเลขทะเบียน ผ 2529 กรุงเทพมหานคร ชน ด.ต.นิติ อัญชลี ผู้บังคับหมู่งานจราจร สถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม ขณะกำลังเรียกตรวจสอบเอกสารการครอบครองรถ ที่ถนนพระราม 2 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
โดยนางสาวจุฑามาตร ยอมรับข้อกล่าวหา และบอกว่า ตนเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนั้นตนเองตกใจเพราะรถคันดังกล่าวขาดการผ่อนส่งมาแล้ว 3 เดือน และซื้อรถมาแล้ว 4 ปี และยังไม่ได้ไปจดทะเบียนอย่างถูกต้อง รวมทั้งได้ดัดแปลงรุ่นรถให้เป็นรุ่น อี 250 เพื่อต้องการอัพเกรดรุ่น ไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบเลี่ยงไฟแนนซ์ และยืนยันว่าเป็นคนขับรถหนีออกมาเอง ไม่ได้มีการยุยงจากสามี ซึ่งหลังเกิดเหตุตนก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงเข้ามอบตัวต่อสู้คดี และได้นำพวงมาลัยไปขอขมาดาบตำรวจนิติ
ด้านดาบตำรวจนิติ บอกว่า ไม่ได้ติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้คิดจะฟ้องร้องคิดค่ารักษาพยาบาล แต่ขอให้คดีความเป็นไปในเรื่องของกฎหมาย พร้อมฝากเตือนประชาชนไม่ให้ลอกเลียนแบบ เนื่องจากจะทำให้ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่จะได้รับอันตราย พร้อมกับอโหสิกรรมกับทั้งสองคน
ขณะที่พลตำรวจโทศานิตย์ เปิดเผยว่า เมื่อผู้ต้องหามามอบตัวก็จะต้องสอบสวนตามขั้นตอน และจะพิจารณาให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยใช้หลักทรัพย์คนละ 5 หมื่นบาท ก่อนที่จะนัดตัวไปส่งฟ้องที่ศาลแขวงธนบุรีในวันที่ 17 กรกฎาคม นี้
นอกจากนี้ จากการสอบถามพันตำรวจเอกธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม ทราบว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ราย ไม่มีประวัติเกี่ยวกับอาชญากรรม ไม่มีประวัติว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมถึงจากการตรวจค้นภายในรถยนต์เบนซ์คันดังกล่าว ก็ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายภายในรถแต่อย่างใด
และสำหรับรถเบนซ์ป้ายแดงคันที่ก่อเหตุ เมื่อวานนี้ทางฝ่ายสืบสวนของ สน.ท่าข้าม ได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดไปตามเส้นทางที่ผู้ต้องหา ขับรถหลบหนีจนพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวไปจอดไว้ที่คอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง บริเวณถนนราษฏร์บูรณะ แต่ไม่พบเจ้าของรถ ส่วนรถยนต์ไม่ได้ล็อคไว้ ตำรวจจึงยึดรถคันดังกล่าวมาเก็บไว้ที่ สน.ท่าข้าม เนื่องจากเป็นรถของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด
ส่วนการตรวจสอบกับบริษัทไฟแนนซ์ของรถคันนี้ พบว่ารถคันนี้ซื้อมาแล้วประมาณ 3 ปี แต่ขาดผ่อนส่งมาแล้วหลายงวด ส่วนรถก็ยังไม่ได้ดำเนินการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก คาดว่าเมื่อถูกตำรวจขอเรียกตรวจจึงกลัวความผิดและขับรถหนีดังกล่าว ซึ่งก็ตรงกับคำให้การของผู้ถูกกล่าวหานั่นเอง