30 ก.ย.63 ที่ ศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อท.(ผ) 61/2559 ที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ และ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือเกียรติกรณ์ แก้วผลึก เป็นจำเลยที่ 1 – 3 ในความผิดฐาน ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย มาตรา 157 สร้างหลักฐานการคุ้มครองพยานตามมาตรการพิเศษ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเเจ้งความอันเป็นเท็จต่อศาล มาตรา 137

โดยโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2557 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า นายธาริต ขณะเป็นอธิบดีดีเอสกับพวกมีคำสั่งให้นำ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือ เกียรติกรณ์ แก้วผลึก พยานโจทก์ในคดีการหายตัวไปของ นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ที่ศาลอาญาให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ด้วยสายการบิน ey402 ทั้งที่ พ.ต.ท.สุวิชชัย นั้น เป็นจำเลยที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ซึ่งมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีร่วมฆ่าฯ เชื้อพระวงศ์ลาว ซึ่งศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำสั่งห้ามออกนอกประเทศไว้

แต่ภายหลังจำเลยกลับมายื่นคำร้องขออนุญาตศาลอาญาให้ส่งประเด็นไปสืบต่างประเทศ โดยอ้างว่าพบพยานดังกล่าวหลบหนีหมายจับไปยัง ยูเออี เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์อนุญาตส่งประเด็นไปสืบต่างประเทศ ทั้งที่ความจริงเเล้วตอนนั้นพยานโจทก์ปากดังกล่าวพำนักอยู่ในไทย แต่อัยการโจทก์ไม่สามารถนำตัวมาเบิกความที่ศาลอาญาโดยเปิดเผยได้ เนื่องจาก พ.ต.ท.สุวิชชัย เป็นจำเลยหลบหนีหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี นายธาริตกับพวกซึ่งทำหน้าที่รายงานความคืบหน้าการส่งประเด็นไปสืบพยานต่างประเทศตามคำสั่งศาลอาญาในขณะนั้นเป็นผู้ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ พ.ต.ท.สุวิชชัย และเจ้าหน้าที่ดีเอสไออีกสองคนเดินทางไปยูเออี เพื่อดำเนินการสืบพยานลับหลังจำเลยในคดีการหายตัวไปของ นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี ด้วยช่องทาง พ.ร.บ.ร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาฯ ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะความจริงแล้ว การสืบพยานต่างประเทศด้วย พ.ร.บ.ดังกล่าว จะต้องเป็นกรณีที่พยานมีภูมิลำเนาต่างประเทศ มิใช่เกิดจากการนำพยานเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อให้เข้าเงื่อนไขการส่งประเด็นไปสืบ แต่กลับเเจ้งต่อศาลว่าพบพยานดังกล่าวหลบหนีหมายจับอยู่ที่ยูเออี

กระทั่งตรวจสอบพบว่า จำเลยทั้งสามในฐานะตัวการเเละผู้สนับสนุน ร่วมกันสร้างพยานหลักฐานการคุ้มครองพยานมาตรการพิเศษ โดยอ้างว่าโดนโจทก์ข่มขู่พยาน เพื่อเป็นข้ออ้างแก้ตัว กรณีโดนโจทก์ร้องคัดค้านการนำพยานปาก พ.ต.ท.สุวิชชัย เดินทางออกนอกประเทศ ว่าเป็นการคุ้มครองพยานเพื่อนำไปสืบพยานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอ้างเป็นหลักฐานแจ้งต่อศาล ให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวแก่โจทก์ทั้งสอง จึงเท่ากับจำเลยมีเจตนาพิเศษกลั่นแกล้งเพื่อให้โจทก์ถูกศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวในขณะนั้น หากศาลเชื่อตามคำร้องเท็จของจำเลย

ศาลไต่สวนแล้วคดีมีมูลประทับรับฟ้อง คดีที่ 1 – 2 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 3 หลบหนีจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า เชื่อว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ในฐานะอธิบดีดีเอสไอเป็นผู้ได้รับมอบหมายจาก นายประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในขณะนั้น สั่งใช้มาตรการพิเศษคุ้มครองพยานปากจำเลยที่ 3 โดยมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 5 คน ที่ รมว.ยุติธรรม แต่งตั้ง เป็นการปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ตามลำดับชั้นบังคับบัญชา ซึ่งต้องดำเนินการเป็นความลับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองพยานฯ ในคดีอาญา พ.ศ.2546 มาตรา 9 และ 10

ศาลอาญาฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์ทั้งสองนำสืบยังไม่พอฟังได้ว่า การคุ้มครองพยานจำเลยที่ 3 เป็นเท็จ ส่วนการยื่นขอให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวโจทก์ทั้งสองของจำเลยที่ 1 และ 2 เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ เห็นว่า  ในคำร้องขอคุ้มครองพยานระบุว่า ถูก พล.ต.ท.สมคิด โจทก์ที่ 1 ใช้ให้บริวารตามข่มขู่จำเลยที่ 3 และครอบครัวเพื่อไม่ให้จำเลยที่ 3 เข้าเบิกความเป็นพยานในคดีอาญา รวมทั้งโจทก์ที่ 1 แถลงข่าวในทางที่ทำให้จำเลยที่ 3 เสื่อมเสีย จนไม่อาจอยู่เป็นปกติสุขได้ แม้จำเลยที่ 3 เปลี่ยนชื่อก็ยังไม่พ้นต้องขอเปลี่ยนที่อยู่และคุ้มครองความปลอดภัย กรณีนี้โจทก์ทั้งสองเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ แม้โจทก์ทั้งสองจะอ้างว่าเป็นการค้นหาความจริงเพื่อเอาผิดจำเลยที่ 1 กับพวก ร่วมกันพาจำเลยที่ 3 ออกนอกประเทศโดยมิชอบ ซึ่งกรณีนี้ นายชาญเชาว์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาการแทนปลัดกระทรวงยุติธรรม (ขณะนั้น) เบิกความว่าได้หนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศส่งมาจากสถานทูตซาอุดิอาระเบีย มีข้อความแปลเป็นไทยสรุปข้อความได้ว่า โจทก์ที่ 1 ได้รับและเผยแพร่เอกสารที่เป็นเรื่องลับและละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อและออกหนังสือเดินทางให้กับจำเลยที่ 3 พร้อมรายละเอียดต่างๆทางสถานทูตมีความประหลาดใจที่โจทก์ที่ 1 มีอิสระที่ทำเรื่องที่ว่าโดยไม่มีการสอบสวนใดๆ บ่งชี้ถึงความสามารถที่ใช้อิทธิพลอำนาจในทางที่เป็นเพื่อให้ได้เข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น พร้อมใช้ประโยชน์จากสื่อมีการแถลงข่าวพร้อมกับข้าราชการแจกใบปลิว มุ่งที่จะให้กระบวนการยุติธรรมเสื่อมเสียชื่อเสียง ทางสถานทูตซาอุฯเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะกดดัน จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนจำเป็นเพื่อลดความกังวลของรัฐบาลซาอุฯ

เมื่อนายธาริต จำเลยที่ 1 พิจารณาข้อเท็จจริงในหนังสือดังกล่าวประกอบคำร้องของจำเลยที่ 3 พบว่ามีมูลตามคำขอ จึงนำไปยื่นต่อศาลอาญา ขอให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวโจทก์เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงประกอบกันเห็นว่า พฤติการณ์ตามข้อเท็จจริงของโจทก์ทั้งสองเป็นการยุ่งเหยิงกับพยานตามป.วิอาญา มาตรา 108/1 (2)(5) จึงทำคำร้องโดยอ้างเหตุตามข้อเท็จจริงที่ได้มาไปยื่นต่อศาลอาญา ซึ่งเป็นการใช้ดุลยพินิจตามป.วิอาญา มาตรา 108/1(2)(5) ตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย กรณีจึงไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ส่วนปัญหาที่จำเลยที่ 1 และ 2 นำข้อเท็จจริงตามคำร้องดังกล่าวเบิกความต่อศาลอาญาตามคำร้องนั้นเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 (แจ้งความอันเป็นเท็จต่อศาล) และคดีขาดอายุความหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป พิพากษายกฟ้อง

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

ไม่ยอม! Source Music ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดในนาม LE SSERAFIM

ต้นสังกัด Source Music เตรียมดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดในนามของเกิร์ลกรุ๊ป LE SSERAFIM ที่ถูกข้อความเท็จโจมตีจาก “มินฮีจิน”

“ขนมจีน” ซิงเกิลใหม่ ‘ทำใจเก่ง’ ที่จะส่งความเห็นใจให้ มือที่สาม

“ขนมจีน” ส่งซิงเกิลใหม่ ‘ทำใจเก่ง’ ได้ “เติร์ด Tilly Birds” และ “bnz” โปรดิวซ์ส่งความเห็นใจ ‘มือที่สาม’ พร้อมได้ “มิว ศุภศิษฐ์” ร่วมแสดง MV

ทุ่มสุดตัว! “เจฟ ซาเตอร์” จัดเต็มโปรดักชันอลังการ ครบทุกมิติให้แฟนๆ เซอร์ไพร์สครั้งใหญ่

“เจฟ ซาเตอร์” ทุ่มสุดตัว!! จัดเต็มโปรดักชันอลังการ ครบทุกมิติ ขนเซอร์ไพร์ส!! โชว์จัดหนักเพื่อแฟนเพลงในคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ในครั้งนี้

“RIIZE” เตรียมปล่อยเพลง มินิอัลบั้มชุดแรก ‘RIIZING’ ให้แฟนๆ ได้ฟังก่อนใคร!

RIIZE เตรียมปล่อยเพลงในมินิอัลบั้มชุดแรก ‘RIIZING’ ให้ได้ฟังกันก่อนใครในวันที่ 29 เมษยน 2024 นี้ พร้อมสไตล์ที่อันโดดเด่น

ศาลตัดสิน! แม่ของนักร้องสาว “คูฮารา” ไม่ได้รับมรดกสักแดงเดียว

แม่ของนักร้องสาว “คูฮารา” แพ้คดีความเรื่องมรดก และศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้สมาชิกในครอบครัวที่ดูแลเธอได้รับมรดกแทน

“Code Kunst” ตัดสินใจแยกทางกับ AOMG หลังอยู่มานานถึง 6 ปี

นักดนตรี/โปรดิวเซอร์ “Code Kunst” ชื่อดัง ได้ตัดสินใจแยกทางกับค่ายเพลง AOMG หลังจากอยู่มานานถึง 6 ปี ทำเอาใจหายไปกันทั้งทามไลน์
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า