“จตุพร พรหมพันธุ์” ประธานแกนนำนปช. ขอโทษ “สมหวัง อัสราษี” หลังโดนเรียกเก็บบัญชีรับเงินบริจาค 572 ล้านบาท และเป็นบุคคลล้มละลาย ชี้ทุกคนจุดจบไม่ต่างกัน
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีนายสมหวัง อัสราษี แกนนำนปช. ตัดพ้อสามเกลอ นปช. ใช้ให้เปิดบัญชีรับเงินบริจาค จนโดนเรียกเก็บภาษี 572 ล้านบาท และโดนฟ้องเป็นบุคคลล้มละลายว่า รู้สึกไม่สบายใจ เสียใจ และต้องขอโทษนายสมหวังกับครอบครัวด้วย เห็นใจนายสมหวังมีสิทธิที่จะน้อยใจในโชคชะตา ซึ่งแกนนำ นปช. ผู้ร่วมชะตากรรม มีจุดจบไม่ต่างกัน ไม่โดนคดี ติดคุก ก็ต้องล้มละลาย ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีและปรับสองเท่า จึงขอเรียกร้องไปยังอธิบดีกรมสรรพากร และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ให้ยกเลิกคำสั่งเก็บภาษี เพราะคิดว่าเงินบริจาคทางการเมืองเพื่อการชุมนุมไม่ควรเรียกเก็บภาษี และไม่เคยมีการเรียกเก็บภาษีมาก่อน พร้อมขอให้มีมาตรฐานเดียวกันกลุ่มการเมืองอื่นๆด้วย
นายจตุพร กล่าวว่า เบื้องต้นได้ติดต่อพูดคุยกับพี่น้องไปคุยบ้างแล้ว แต่นายสมหวังยังมีความเครียด และคิดไม่ถึงว่าครอบครัวจะต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้ ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง เพราะนปช.อยู่มายาวนานที่สุด แต่อยู่ในสภาพที่ยากลำบาก และไม่มีวันที่จะกลับมาเหมือนเดิม เวลาที่เหลือหลังจากนี้ คือการชดใช้ในสิ่งที่ทำไว้ จุดจบคงหนีไม่พ้นการติดคุกและล้มละลาย ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช้ชื่อ 3 เกลอแกนนำ นปช. เปิดบัญชีบริจาคนั้น การที่เป็นแกนนำ คงไม่สะดวกที่จะเบิกจ่ายเงิน มองว่าไม่เหมาะสมในการถือเงิน และไม่ทราบว่าจะต้องมีการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังด้วย