11 ส.ค.63. ในการประชุมวุฒิสภาที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ได้เปิดให้สมาชิกหารือ โดย นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. หารือว่า รู้สึกอึดอัด คับข้องใจ หลังจากติดตามข่าวการชุมนุมทางการเมือง 3 ครั้งในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันที่ 9 ส.ค. ที่จังหวัดเชียงใหม่
และล่าสุดวันที่ 10 ส.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และยิ่งอึดอัดยิ่งขึ้นเมื่อทราบว่าในตอนจบมีการประกาศชุมนุมในลักษณะเดียวกันในวันที่ 12 ส.ค. ที่สวนลุมพินี ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ก่อนจะถึงวันชุมนุมที่กำหนดไว้ วันที่ 16 ส.ค.
โดยการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา มีเนื้อหารุนแรงที่สุดเท่าที่เคยฟังมาในชีวิต มีข้อเรียกร้องที่ไม่มีคนไทยคนไหนเรียกร้องเพราะเลยเถิดเกินการขับไล่รัฐบาล เกินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือยกร่างใหม่ทั้งฉบับ และชวนให้คิดได้ว่าการไม่ยอมรับเพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยขอแต่เพียงยกร่างใหม่ทั้งฉบับนั้นเป้าหมายสูงสุดคืออะไร
นอกจากนั้น การชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมที่บางช่วงนำประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดมายาวนานด้วยความเคารพศรัทธาสูงสุดของคนทั้งประเทศมาล้อเลียนบนเวที และยังเป็นการร่วมกระทำการของผู้ต้องหา 2 คน ที่เพิ่งได้รับการประกันตัวออกมา และยังมีการไลฟ์สดของผู้ที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งเคยกล่าวในอดีตว่า ประเทศจะต้องเจอสงครามกลางเมือง
จึงขอหารือผ่านประธานวุฒิสภาไปยังนายกรัฐมนตรี เสนอให้รัฐบาลดำเนินมาตรการทางการเมืองด้วยการรับฟังความเห็นข้อเสนอจากสมาชิกรัฐสภาอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ด้วยการขอเปิดอภิปรายทั่วไปของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 โดยเร็ว แม้สมาชิกของทั้ง 2 สภาจะมีความเห็นหลากหลายแตกต่างกันในหลายกรณี
ทั้งนี้ เชื่อว่าทั้ง 2 สภา มีความเห็นร่วมกันว่าการกระทำบางอย่างของผู้ชุมนุมบางคนในการชุมนุม 3 ครั้งที่ผ่านมาเกินขอบเขตที่ควรจะเป็นไป สุ่มเสี่ยงจุดชนวนความรุนแรง ซ้ำรอยเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 และหากถึงวันนั้นรัฐสภาและรัฐธรรมนูญยังคงอยู่ ก็แก้ไม่ได้