ณัฐพงษ์ ส.ส. พรรค ก้าวไกล เปรียบ 3 ครอบครัวสู้นกกา – เสนอระบบ OCDS ได้ผลกว่าออก กม. ล้อมรั้ว – ผลัดเวรใช้ กมธ. เฝ้า
วันที่ 11 มิถุนายน 2563 ที่รัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรค ก้าวไกล ร่วมอภิปรายในในญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้ง กมธ. วิสามัญเพื่อตรวจสอบงบประมาณและมาตรการในการแก้ไขปัญหาโควิด ซึ่งเริ่มต้นด้วยการเล่านิทานเปรียบเปรยให้เห็นภาพชัดขึ้นชื่อว่า “หุ่นไล่กาของน้องก้าว” ซึ่งเนื้อหาของนิทานเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง 3 ครอบครัวริมแม่น้ำไนล์ได้แก่ ลุงบาล, น้าแทน, และน้องก้าว ที่มีวิธีการรับมือปัญหานกกากัดกินผลผลิตทางการเกษตรแตกต่างกัน
โดย รัฐบาลไทยตอนนี้เปรียบเหมือนครอบครัวของลุงบาล ที่แก้ปัญหาโดยการล้อมรั้ว ครอบตาข่าย เกี่ยวพันแขนขาคนในบ้านตลอด ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ตรงกับวิธีการที่รัฐไทยใช้กำกับดูแลระบบราชการ เน้นเพียงแต่การออกกฎระเบียบ เพิ่มอำนาจ เพิ่มบทลงโทษ แล้วปักใจเชื่อว่ายิ่งมีมากขึ้นก็จะยิ่งปราบปรามการคอรัปชั่นได้มากขึ้น แต่กลับกลายเป็นภาระซ้ำเติมแก่ข้าราชการน้ำดีที่ตั้งใจจริง ทำงานลำบากยิ่งขึ้น
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ในส่วนของครอบครัวน้าแทนรับมือโดยการผลัดเวรกันเฝ้าพืชผลตลอด แต่ทุกเมื่อเชื่อวันก็จะมีจังหวะทีเผลอ ปล่อยให้นกกาเล็ดรอดสายตาเข้ามากัดกินพืชผลได้อยู่ดี วิธีการนี้เหมือนกับสิ่งที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังทำกันอยู่ อาศัยกรรมาธิการผลัดกันตั้ง สลับกันเป็นเวร คอยถ่วงดุลการตรวจสอบฝ่ายบริหาร มองกันทีละจุด สอบคนละที เรียกทีก็ได้เอกสารตอบกลับมาครบบ้างไม่ครบบ้าง บางหน่วยงานทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
บางทีเชื้อเชิญกันไปจิบกาแฟด้วยกันเสียอีก แม้ว่าจะผลัดกันจับตาตรวจสอบมากแค่ไหนก็ไม่สามารถกำจัดเหล่านกกาที่คอยจ้องจะกัดกินผลประโยชน์ของประเทศชาติได้เสียที ขณะที่ครอบครัวสุดท้ายเป็นของน้องก้าว ซึ่งได้สังเกตข้อเสียข้อบกพร่องของลุงบาลและน้าแทน และพบว่านกกากลัวคนไม่ได้กลัวตาข่าย และคนก็อยู่เวรไม่ได้ตลอดเวลา น้องก้าวจึงประดิษฐ์ “หุ่นไล่กา” มายืนเฝ้าพืชผลได้ตลอดเวลาจริง
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ตนขอเสนอแนวทางที่หน้าตาเหมือนกับหุ่นไล่กาของน้องก้าว นั่นคือ ให้มีการจัดเก็บข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างอย่างเป็นระบบ ตามมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลสัญญาการจัดซื้อจัดจ้าง หรือ OCDS (Open contracting data standard/OCDS) ซึ่งเป็นรูปแบบในการจัดเก็บข้อมูล (Data Format) ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตลอดทั้งกระบวนการของภาครัฐ ตั้งแต่ช่วงมีการจัดทำแผนงาน การประมูล การเบิกจ่าย การติดตามตรวจสอบ รวมไปถึงการประเมินผล ทั้งหมดจะถูกรวมเข้ามาอยู่ในบันทึก ทุกๆ ครั้งข้อมูล 1 บันทึก ถูกเปลี่ยนแปลง จะต้องมีการเผยแพร่ความเปลี่ยนแปลงเพื่อสำแดงทุกส่วนของข้อมูลเป็น 1 การเผยแพร่
หากเปรียบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างรัฐไทยในปัจจุบัน ก็เปรียบเสมือนว่า 1 บันทึก OCDS จะเป็นการบูรณาการจาก 5 ระบบ 3 หน่วยงานรัฐเข้าด้วยกัน ได้แก่ E-budgeting ของสำนักงบประมาณ, E-bidding, E-GP, GSMIS ของกรมบัญชีกลาง และระบบติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินแผ่นดินของ สตช. นั่นเอง และทันทีที่ กมธ.ชุดนี้สามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดซึ่งมีอยู่แล้วในระบบสารสนเทศของรัฐเข้ามาไว้ด้วยกัน ก็จะนำมาทำให้ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในรูปแบบเปิดเผยรูปแบบ OCDS เพียงเท่านี้ ก็เท่ากับว่าได้ผลิตหุ่นไล่กาของน้องก้าว 60 กว่าล้านตัวทั่วประเทศ เป็นเพราะว่าในปัจจุบันเรามีต้นแบบหุ่นไล่กา OCDS ที่ประชาชนคนไทย 60 กว่าล้านคนสามารถหยิบมาเลือกใช้ได้ฟรีอยู่มากมายทั่วอินเตอร์เน็ต
“สำหรับการนำระบบดังกล่าวไปปฏิบัติใช้จริงในรูปแบบต่างๆ เช่น หน้าปัดภาพรวมเสี่ยงการทุจริต (Corruption Risk Dashboard) ที่พัฒนาโดย Development Gateway องค์กรซึ่งมีจุดตั้งต้นมาจากธนาคารโลก เป็น Opensource software ที่หยิบเอาข้อมูลซึ่งถูกจัดเก็บในรูปแบบ OCDS มาวิเคราะห์เพื่อติดธงแดงในโครงการต่างๆ ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต เช่น ติดธงแดงให้โครงการที่มีการเสนอราคาสูงกว่าคู่แข่ง, ติดธงแดงให้โครงการที่มีผู้ยื่นประมูลเข้ามาเพียง 1 รายเท่านั้น เป็นต้น
นอกจากนี้ ในโลกปัจจุบัน ในขณะกรรมาธิการในไทยทำงานแบบน้าแทนที่เรียกเอกสารหน้าสองหน้าจากหน่วยงานต่างๆ มาตรวจสอบทีละเล็กทีละน้อย ประเทศต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกเริ่มคิดระบบให้ AI คิดระบบจำแนก (Classification model) เพื่อคำนวณค่าความเสี่ยงโครงการที่อาจเกิดการทุจริต (Corruption Risk Score)ได้แล้ว” ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า จากทั้งหมดที่อภิปรายมานี้ อยากจะขอสนับสนุนให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ เพราะเชื่อว่าในฐานะสภาผู้แทนราษฎร พวกเราจะสามารถพัฒนากระบวนการให้สามารถประดิษฐ์หุ่นไล่กา OCDS อย่างที่น้องก้าวทำได้เมื่อหลายพันปีก่อน เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน อย่าให้ลุงกู้มาล้างผลาญ แล้วปล่อยให้ลูกหลานใช้หนี้