พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่เข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสังคมผู้สูงอายุก็คือ สมรรถนะในการผลิตของประเทศ อุปสงค์ความต้องการภายในประเทศที่หดตัว ฯลฯ คนรุ่นใหม่ต้องแบกรับภาระในการดูแลคนรุ่นก่อนมากกว่าที่เคยเป็น และข้อที่น่าวิตกกังวลก็คือ ประเทศไทย กำลังมีจำนวนแรงงานในระบบที่ลดลงเร็วที่สุดในบรรดาประเทศอาเซียน อีกทั้งยังมีสัดส่วนผู้สูงอายุสูงสุดในอาเซียนอีกด้วย ปัญหาเหล่านี้จะส่งผลให้ คนรุ่นใหม่ต้องแบกรับภาระดูแลผู้สูงอายุ
ดร.นิว แฉแกนนำ เยาวชนปลดแอก เบื้องหน้าปลุกม็อบปฏิวัติแบบฝรั่งเศส เบื้องหลังแอบเลียบู้ททหาร
ซึ่งส่วนใหญ่ที่มีลักษณะ ‘แก่ก่อนรวย’ โดยโครงสร้างการแข่งขันทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน นั่นหมายความว่า คนรุ่นใหม่ที่เป็นกำลังสำคัญการผลิตจะมีจำนวนน้อยลง ขณะเดียวกันก็จะต้องรับผิดชอบดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวที่เพิ่มมากขึ้น คล้ายกับสำนวนไทยที่เรียกว่า ‘เตี้ยอุ้มค่อม’
แต่ปัญหาอาจจะทุเลาลงได้ โดยอาศัยสิทธิประโยชน์ สวัสดิการ ในการดูแลคนในสังคม รวมถึงช่วยแก้ปัญหาให้คนรุ่นใหม่ที่กำลังกังวลและลังเลต่อการมีลูก หันมาตระหนักถึงปัญหาสังคมผู้สูงอายุได้มากขึ้น สาเหตุหลักที่คนรุ่นใหม่เลี่ยงการมีลูก มีสาเหตุมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และการขาดแพคเกจนโยบายสวัสดิการที่จะสนับสนุนให้พวกเขามั่นใจในความมั่นคง ส่งเสริมความต้องการมีลูกของคนหนุ่มสาวมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชากรแต่ละช่วงอายุมีจำนวนสอดคล้องกันมากขึ้น
ปัจจุบันสิทธิการลาคลอดหรือแพคเกจสนับสนุนด้านสวัสดิการยังไม่สามารถสร้างแรงจูงใจให้คนอยากจะมีลูกมากขึ้น อีกปัญหาใหญ่ ก็คือ แต่ละอาชีพได้รับสิทธิสวัสดิการที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ออกให้ลาคลอดเพียง 45 วัน บ้างก็อนุญาตให้ลาคลอดได้เต็ม 3 เดือน แต่จ่ายเงินไม่ครบ ทั้งนี้ทั้งนั้น วันลาคลอดที่น้อยของคนทำงานในประเทศไทย ส่งผลให้การมีลูกหรือการเกิดของเด็กหนึ่งคน มีคุณค่าไม่ต่างกับการเป็นภาระ เป็นปัญหา เป็นระเบิดเวลาในสายตาของแต่ละคู่รักในยุคนี้
ถ้าหากเราไม่สามารถก้าวข้ามและยกระดับสวัสดิการ เพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจให้แต่ละครอบครัวหันมองการมีลูกเป็นเรื่องปกติที่เป็นไปได้ เราก็จะประสบปัญหาใหญ่และยากจะแก้ไข ในวันที่เข้าสู่สังคมสุดยอดผู้สูงอายุ (Super-aged society – ขั้นกว่าของสังคมผู้สูงอายุในปัจจุบัน) ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าแน่นอน
ลองพูดคุยถึงปัญหา วันลาคลอดกับคุณแม่ท่านหนึ่ง เธอได้รับอนุญาตให้มีเวลาในการเลี้ยงดูลูกชายตัวน้อยของเธอเพียง 3 เดือนเท่านั้น และเพิ่งกลับมาทำงานได้เพียง 2 วัน ซึ่งปัญหาที่ตามมาของสิทธิ สวัสดิการที่ไม่ถ้วนหน้าและลักลั่นในสังคมไทย กำลังสร้างปัญหาให้พ่อแม่ต้องรับภาระที่หนักมากยิ่งขึ้น
“พี่ว่าเวลาสามเดือนมันก็ไม่พอ ลูกพี่เขายังเล็ก แค่ 3 เดือนเขาก็ยังไม่ได้หย่านม การมาทำงานของเราในแต่ละวันก็ล้า เราเหนื่อยมากเพราะเราต้องคอยดูแลเขาตอนกลางคืน เด็กที่ยังเล็กมากๆ เขามักจะงอแงในตอนกลางคืน พอการนอนพักผ่อนของเราไม่เพียงพอ มันส่งผลต่อการทำงานในแต่ละวัน”
“พี่พูดตรงๆ นะว่า ตอนนี้เรากลับมาทำเวลาแล้ว แต่ก็มาทำงานแบบมึนๆ เบลอๆ ปัญหาอีกอย่างคือ พอกลางวันเราไม่ได้อยู่ดูลูก ภาระมันก็ถูกผลักไปที่คนอื่นๆ ที่ต้องเลี้ยงแทน ซึ่งแม่สามีเขาก็มีภาระ เขายังทำงานอยู่ เขาเปิดร้านซักอบรีด สมมติวันหนึ่งๆ ได้เงินราวๆ 1,000 บาท แล้วต้องมาเลี้ยงลูกเรา เขาก็ทำงานได้น้อยลง แน่นอนว่ารายได้ก็ลดลง”
“ถ้าเราจะหาคนช่วยเลี้ยงเพิ่ม เราก็ต้องเสียเงินอีกเดือนละ 5,000-8,000 บาท ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะเลี้ยงลูกเราดีไหม ถ้าพูดกันตามตรง ลาคลอดสามเดือนมันไม่พอ ลูกก็ยังเป็นเด็กมากๆ ตัวจิ๋วๆ เอง เขายังช่วยเหลืออะไรไม่ได้ เราต้องดูแลไม่ให้คลาดสายตา”
“ตอนที่พี่ใกล้คลอดมันมาเจอเหตุการณ์ช่วงโควิดด้วย การลาคลอดกับรายได้ของเราเลยมีปัญหา สิทธิตามปกติที่เรามีตามกฎหมายตอนนี้คือ 90 วัน คือเราเลือกได้ว่าจะลาแค่ 45 วันแต่รับเงินเดือน 45 วัน แล้วกลับมาทำงานตามปกติ หรือเลือกลาเต็ม 3 เดือน แต่ก็ยังต้องรับเงินเดือน 45 วัน ส่วน 45 วันที่เหลือจะไม่ได้รับเงินเดือน พี่ก็ยังเลือกลาครบกำหนด 3 เดือนตามกฎหมาย เงินได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละ เพราะเราอยากอยู่กับลูก ลูกเรายังเล็ก สรุปแล้วเดือนแรกที่ลา พี่ควรจะได้เงินเต็ม 100% ตามกฎหมาย แต่ดันโดนหักเงินเดือนเดือนแรก 20% จากวิกฤตโควิด และเดือนต่อมาเขาก็หักอีก 50% ส่วนเดือนที่สามก็ไม่ได้เงินเดือนเลย”
เมื่อไหร่จะติดคุก? วีระ แจ้งความคืบหน้าคดี ปารีณา บุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ทางด้านคุณพ่อของเด็กชายตัวน้อยก็เสริมเรื่องว่า “จริงๆ ระหว่างคลอดที่ทำงานแฟนผมก็ขอให้ทำงานออนไลน์เหมือนกันนะ เพราะเขาเห็นอยู่บ้านเลี้ยงลูกเฉยๆ” ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงเพดานสิทธิ สวัสดิการ และการตระหนักรับรู้ของคนในสังคมที่ต่ำมาก การลาก็คือการหยุด เป็นสิทธิที่ควรได้รับ “แต่แฟนผมก็ปฏิเสธไป เพราะมันยังอยู่ในช่วงลาคลอด”
ก่อนที่คุณแม่มือใหม่จะเสริมให้เราฟังว่า “พี่ก็คิดเหมือนกันว่า ทำไมให้สิทธิเราลาสามเดือน แต่ให้เงินเราแค่เดือนครึ่ง ทำไมถึงให้เราแค่นี้ แล้วอีกครึ่งเดือนจะให้เราไปหาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย เงินมันไม่ได้เต็ม ถ้าให้หยุดสามเดือนก็จ่ายเงินสามเดือนสิ สมมตินะถ้าเราเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ค่าใช้จ่าย จะจ่ายยังไง เรามีเงินเดือนคนเดียว หรือถ้าเราเป็นพนักงานรายวัน เราจะใช้จ่ายยังไง”
“ก็ไม่เชิงว่าเด็ก 6 เดือนหย่านมแล้ว เพียงแต่ เด็ก 6 เดือน หมอเขาอนุญาตให้ทานข้าวบด ไข่แดง ทานอาหารที่หลากหลายกว่านมได้แล้ว ถ้าได้ลาคลอด 6 เดือนก็เป็นตัวเลขที่ดีเหมือนกัน” คุณแม่ท่านนี้ปิดท้ายให้เราฟัง
ทั้งหมดคือปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ครอบครัวในช่วงเดือนแรกๆ หลังการให้กำเนิดสมาชิกใหม่ ปัญหาและช่องโหว่ที่ยังคงอยู่ในตัวกฎหมาย การจ้างงานที่หลากหลายและผลักคนออกจากระบบประกันสังคม ผ่านการจ้างเหมา ลูกจ้างรายวัน หรือความฉ้อฉลต่างๆ ของการให้นิยามคำว่างานและลูกจ้างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ล้วนส่งผลโดยตรงและเป็นทั้งสาเหตุและส่วนหนึ่งของวิกฤตสังคมผู้สูงอายุและปัญหาที่ยากจะแก้ไข
สมชัยให้คะแนน ครม.ใหม่ประยุทธ์ แนะนายกฯควรพัก อย่าดันทุรัง
แต่เราปลดล็อกและทุเลาความรุนแรงของมันได้ ช่วยกันยกระดับสิทธิสวัสดิการไปพร้อมๆ กับเรา ร่วมสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ฉบับพรรคก้าวไกล ขยายระยะเวลาลาคลอดจาก 90 ไปเป็น 180 วัน พร้อมรับสิทธิค่าจ้างเต็มจำนวนโดยได้รับจากนายจ้าง 3 เดือนและประกันสังคม 3 เดือน พร้อมกับสิทธิประโยชน์อีกมากมายที่คนทำงานต้องมีเพื่อให้สังคมไทยเท่าทันต่อสถานการณ์การทำงานและสถานการณ์โลกในอนาคต
ยังมีสิทธิประโยชน์ที่คนทำงานอีกมากมายที่เราได้เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและโลกในอนาคตมากยิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดและร่วมสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน จากพรรคก้าวไกลได้ที่เว็บไซต์รัฐสภา ซึ่งกำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอยู่ในขณะนี้ ที่ https://www.parliament.go.th/section77/survey_detail.php?id=57