แบนสารพิษ วันที่ 3 ธันวาคม 2562 ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Prinya Thaewanarumitkul” ถึงกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้เลื่อนการแบนสามสารพิษทางการเกษตรออกไป 6 เดือน ระบุว่า…
“มติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่เลื่อนการแบนสามสารพิษชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ?
ตามที่คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ได้แถลงว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ให้เลื่อนการแบนสามสารพิษทางการเกษตรออกไป 6 เดือน แต่รองศาสตราจารย์เภสัชกร จิราภรณ์ ลิ้มปานานนท์ ได้ออกมาแย้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งนี้ #ไม่มีการลงมติอย่างชัดเจนว่ากรรมการแต่ละท่านเห็นด้วยหรือไม่ในแต่ละประเด็น แต่เป็นภาวะจำยอม (อ่านรายละเอียดที่อาจารย์จิราภรณ์เขียนได้ในภาพประกอบ 2)
คำถามคือเมื่อไม่มีการให้กรรมการลงมติ จะถือว่าเป็นมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ชอบด้วยกฎหมายได้หรือไม่?
ในฐานะที่เป็นอาจารย์ที่สอนวิชากฎหมายมหาชนเบื้องต้น ที่สอนเรื่อง #การลงมติ มาทุกเทอม ผมจึงขอเอากรณีนี้มาให้สาธารณชนได้พิจารณา และเป็นกรณีศึกษาให้นักศึกษากฎหมายมหาชนได้เรียนรู้กัน ทั้งนี้จะไม่กล่าวถึงว่าควรเลื่อนการแบนสามสารพิษหรือไม่ โดยจะวินิจฉัยในทางกฎหมายเท่านั้น ดังต่อไปนี้ครับ
ข้อกฎหมาย : ในเรื่องนี้ เราต้องเริ่มด้วยการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ #พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ซึ่งมาตรา 12 วรรคสอง (ภาพประกอบ 4) บัญญัติไว้ว่า
“การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ..”
นั้นหมายความว่า จะเรียกว่าเป็นการลงมติได้ จะต้อง #ให้กรรมการแต่ละคนได้ออกเสียงในแต่ละประเด็น โดยให้กรรมการคนหนึ่งมีหนึ่งเสียง ทั้งนี้ มติที่ใช้คือเสียงข้างมาก ซึ่งหมายถึงเสียงข้างมากของผู้เข้าประชุม
และเมื่อต้องมีการออกเสียง ก็ต้องมีการ #ตรวจสอบองค์ประชุม ก่อนด้วย ซึ่ง พรบ.วัตถุอันตราย มาตรา 12 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม”