โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์อยากเลือกตั้ง ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับการคุกคาม นักศึกษา ชาวร้อยเอ็ดคนหนึ่งเพียงเพราะแชร์บทความทางการเมือง และร้องเพลงในม็อบ โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นแกนนำการชุมในภาคอีสาน และถูกสั่งห้ามไม่ให้ลงพื้นที่การชุมนุมในกรุงเทพมหานคร โดยเนื้อหาในโพสต์ระบุว่า
ยังไม่หยุด! เพนกวิน ลั่น มีเจ้าหน้าที่ เฝ้าบริเวณบ้าน ตามพ่อแม่
เพนกวิน โดนขู่ทำร้าย อยู่ลิสต์เดียวกับ โรม โตโต้ อานนท์-นำภา ซ้ำร้อย เมื่อปี 62
เสียงจากนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ที่เรียนหนังสืออยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ด เธอต้องการส่งเสียงผ่านช่องทางนี้ โบว์ไม่ขอเติมความเห็นใดๆ มีแต่ความรู้สึกที่คงไม่ต้องบรรยาย ขอให้ทุกคนได้ร่วมรับรู้ไปพร้อมกันค่ะ
ห่วงใยหรือคุกคาม ตักเตือน หรือ ปราบปราม ขอพื้นที่ส่งเสียงเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นกับเราเอง เราเป็นเด็กต่างจังหวัดบ้านไม่ได้ร่ำรวย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชีพข้าราชการ ปัจจุบันมาเรียนที่มหาลัยไกล้บ้านเเห่งหนึ่งทางภาคอีสาน
เรื่องราวที่เล่านี้เคยเกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทเรามาก่อนจนมาวันนี้เกิดกับตัวเราเองเเละครอบครัว
โบว์ ณัฏฐา เข้าแจ้งความแทน Headache Stencil กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตามถึงที่พัก
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 เป็นช่วงบ่ายสามหลังเลิกเรียนซึ่งเพิ่งเรียนเสร็จเเละกำลังส่งของที่ไปรษณีย์สักพักมีข้อความเเละการโทรเข้าจากผู้ใหญ่ทางบ้านอย่างกระทันหันเเจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังมาหาที่บ้าน ให้รีบโทรบอกพ่อกับเเม่ทันทีพร้อมเสียงเตือนด้วยความเป็นห่วงพร้อมความกังวลกลัวเราไม่มีอนาคต อนาคตเธอยังอีกยาวไกล !
เราก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเเกเองก็บอกไม่ได้มันเป็นความลับ!
เราเองตกอยู่ในสภาวะงงชั่วขณะเเละสงสัยว่าเราทำอะไรผิด ทั้งที่ก็มาเรียนตามปกติ ไม่เคยทำผิดหรือละเมิดกฏหมาย คิดอยู่เเค่ว่าหรือเป็นเพราะเเชร์บทความทางการเมืองซึ่งใครเขาก็เเชร์กันนะเหรอ ร้องเพลงปฎิวัติซึ่งมันก็เเค่เพลงนะเหรอ ช่วยชี้เเจงเราก่อนจะบุกไปถึงบ้านสิ!
ครอบครัวกลัวเเน่ๆ เเละต้องโทรคุยกับเราในไม่ช้าเเน่ๆ เพราะด้วยความเล่นใหญ่ใส่เต็มของท่านๆ
เมื่อตำรวจมาเเละกลับไปเป็นที่เรียบร้อยเเล้วเราได้คุยกับที่บ้าน ทั้ง ยาย(น้องของยาย) ครู เเม่ พ่อบนดาดฟ้าของตึกคณะ ถึงการมาของเจ้าหน้าที่ตำรวจพอจับประเด็นได้ว่าเป็นคำสั่งมาจากภาค 4 (เราเองก็ไม่รู้ว่าคือคำสั่งจากที่ไหน) ส่งคนมาเเละมีตำรวจที่บ้านพามา
1. ขอสั่งห้ามอย่าให้เราลงม็อบที่ กทม. (ซึ่งเราเองไม่ไปเเน่นอนเนื่องจากมันไกลเเละต้องออกค่าใช้จ่ายเอง เเถมยังติดเรียนด้วย)
2. ถูกกล่าวหาว่าเป็นเเกนนำ ของจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานเเละพ่วงไปตังหวัดไกล้เคียง คือ โดยส่วนตัวเเล้วยังใหม่มากสำหรับเรื่องนี้ ไม่เคยเป็นผู้จัดงาน เป็นเพียงเเนวร่วมในกิจกรรม ซึ่งไม่ใช่ดาวเด่นอะไรเลย (เเต่ขอบคุณค่ะเพิ่งรู้ว่าอยู่เงียบๆก็ดังตั้ง 2 จังหวัด)
3. ห้ามพาคนไปม็อบ ในที่นี้คงอาจจะหมายถึงการเเชร์เชิญชวนในเฟซของเพจของนักจัดกิจกรรม หรือ คุยกับเพื่อน จะบอกว่าเขาจะไปหรือไม่ไปมันเป็นสิทธิเสรีภาพของตัวบุคคลใครสนใจรักเเละอยากเห็นประเทศพัฒนาก็ไป คิดง่ายๆก็ไปเจอเพื่อนใหม่
ซึ่งเรื่องพวกนี้มันบังคับกันไม่ได้ ทั้งความเชื่อ เเละการปฏิบัติ **การออกคำสั่งมันไม่ได้มันไม่ใช่เรื่องมันขัดต่ออุดมการณ์
4. ห้ามไปร้องเพลงที่ม็อบที่ตัดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้เอง เเละห้ามร่วมชุมนุทม็อบทุกที่ในประเทศนี้ (คำขอจากเเม่เเละเเม่โดนบีบมาอีกที) ซึ่งเราเเค่ไปร้องเพลง ย้ำว่าเเค่ไปร้องเพลงมันหัวรุนเเรงตรงไหน มันใช้ความรุนเเรงตรงไหน! ไร้ซึ่งอาวุธ เเบบกีต้าร์ไปกับเพื่อน กีต้ารสามารถทุบหัวใครตายได้ไหมก็ไม่ ร้องเพลง 4 เพลงคนไม่ตีกันตายหรอก เพราะเพลงเนื้อหาดีมั่นใจว่าหลายๆเคยฟังกันทั้งนั้น
5. ยายสั่งเราหุบปาก !
6. ครอบครัวโดนบันทึกภาพเป็นรายบุคคลเเละภาพบ้านด้วย (ความปลอดภัยบนประเทศนี้อยู่ที่ไหน) เน้นเลี้ยงคนให้โง่ เพราะควบคุมง่ายฝึกง่าย คิดต่างไม่ได้หาว่าสร้างความเเตกเเยกให้ประเทศ!
เราจำเหตุการณ์วันที่คุยกับเเม่บนดาดฟ้าของตึกคณะได้ดี ผู้คนใช้ชีวิตตนเองอย่าปกติสุขเเต่กลับมีบางคนที่ ไม่สุข เพราะอยู่ไม่เป็น !
คงหยุดส่งเสียงเรียกร้องต่อประเทศนี้ไม่ได้เพราะเราทำบนพื้นที่ของเราอย่างขาวสะอาดเเละถูกต้องคิดเเล้วคิดอีกก่อนทำเสมอ
เเม้มันทำให้ตัวเราเเละครอบครัวกลับโดนคุกคามทุกขณะ เเต่หากเราหยุดตอนนี้เราคงไม่ต่างจากไอ้ขี้เเพ้ที่เคยเป็นเสมอมาเเละค่อยๆตายลงไปตามเวลา หากเดินหน้าต่อเราเองก็ไม่รู้ว่าเราเเละครอบครัวจะต้องเจออะไรเช่นกัน (เคยคิดภาพว่าถ้าโดนจะเลือกตายเเบบไหนถ้าเลือกได้ไหม?)
การหากินบนความกลัวกับคนรากหญ้านั้นเเสนง่ายดาย นั้นคงเป็นสาเหตุที่ครอบครัวเราโดนเลือก หลังจากบทความนี้ถูกเผยเเพร่ออกไปเเล้วเราเองไม่รู้ว่าจะโดนคุกคามอีกรอบสองไหมจะรุนเเรงกว่าเดิมเเค่ไหนไม่อาจคาดเดาได้ถูก
นี่คงเป็นหลังฐานเพียงชิ้นเดียวที่เรียกร้องหาความยุติธรรมให้กับเราเเละครอบครัวได้